พื้นที่เล่นลูก รวมถึงสนามแข่งขันและเขตรอบสนามพื้นที่เลนลูกต้องเป็นรูปสามเหลี่ยมผืนผ้าและเหมือนกันทุกส่วน
1.1 ขนาดของสนาม (Dimension)
สนามแข่งขันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 18 x 9 เมตร ล้อมรอบด้วยเขตรอบสนาม กว้างอย่างน้อยที่สุด 3 เมตร
ทุกด้านที่ว่างสำหรับเล่นลูก คือ ที่ว่างเหนือพื้นที่เล่นลูก ซึ่งไม่มีสิ่งใดกีดขวาง สูงขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 7 เมตร จากพื้นสนามสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) และการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
เขตรอบสนามต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 5 เมตรจากเส้นข้าง 8 เมตรจากเส้นหลังและที่ว่างสำหรับเล่นลูกต้องสูงจาก
พื้นสนามขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 12.50 เมตร
1.2 พื้นผิวสนาม (PLAYING SURFACE)
1.2.1 พื้นผิวสนามต้องเรียบเป็นพื้นราบและเหมือนกันตลอดทั้งสนามต้องไม่เป็นอันตรายจนเป็นเหตุให้ผู้เล่นบาดเจ็บและไม่อนุญาตให้แข่งขันบนพื้นสนามที่ขรุขระหรือลื่นสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาต
ิและการแข่งขันอย่างเป็นทางการอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะพื้นผิวสนามที่เป็นไม้หรือพื้นผิวสังเคราะห์เท่านั้นพื้นผิวสนาม
อื่นใดต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์วอลเลย์บอลก่อนทั้งสิ้น
1.2.2 สนามแข่งขันในร่มพื้นผิวสนามต้องเป็นสีสว่างสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการเส้นสนามต้องเป็นสีขาวส่วนพื้นสนามแข่งขันและบริเวณเขตรอบสนามต้องเป็นสีแตกต่างกันออกไป
1.2.3 สนามแข่งขันกลางแจ้ง อนุญาตให้พื้นผิวสนามลาดเอียงได้ 1 มิลลิเมตรต่อ 1 เมตรเพื่อการระบายน้ำ ห้ามใช้ของแข็งทำเส้นสนาม
1.3 เส้นบนพื้นสนาม (LINES ON THE COURT)
1.3.1 เส้นทุกเส้นกว้าง 5 เซนติเมตรเป็นสีสว่างแตกต่างจากสีของพื้นผิวสนามและเส้นอื่น ๆ
1.3.2 เส้นเขตสนามเส้นข้าง 2 เส้น และเส้นหลัง 2 เส้น เป็นเส้นกำหนดเขตสนามแข่งขันเส้นทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายในเขตของสนามแข่งขัน
1.3.3 เส้นแบ่งแดนกึ่งกลางเส้นแบ่งแดน จะแบ่งสนามแข่งขันออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน ขนาด 9 x 9 เมตร เส้นนี้ลากจากเส้นข้างด้านหนึ่งไปยังเส้นข้างอีกดานหนึ่งใต้ตาข่าย
1.3.4 เส้นรุกแต่ละแดนของสนามจะมีเส้นรุกซึ่งริมสุดด้านนอกของเส้นจะขีดห่างจากจุดกึ่งกลางของเส้นแบ่งแดน 3 เมตร เป็นเครื่องหมายของเขตรุก สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการเส้นรุกจะถูกขีดต่อออกไปจากเส้นข้างทั้ง 2 เส้น เป็นเส้นประ กว้าง 5เซนติเมตรยาวเส้นละ 15 เซนติเมตร5 เส้น และเว้นช่องว่างระหว่างเส้นไว้ช่องละ20 เซนติเมตรรวมยาวข้างละ 1.75 เมตร
1.4 เขตและพื้นที่ต่างๆ (Zone And Areas)
1.4.1 เขตรุกเขตรุกของแต่ละแดนจะถูกกำหนดจากึ่งกลางของเส้นแบ่งเขตแดนไปจนถึงริมสุดด้านนอกของเส้นรุก
เขตรุกถือเสมือนว่ามีความยาวจากเส้นทั้งสองไปจนถึงริมสุดของเขตรอบสนาม
1.4.2 เขตเสิร์ฟเขตเสิร์ฟมีพื้นที่กว้าง 9 เมตร อยู่เลยเส้นหลังแต่ละเส้นออกไป
เส้นขนานสั้น ๆ 2 เส้น ยาวเส้นละ 15 เซนติเมตร เป็นเส้นกำหนดเขตเสิร์ฟเส้นทั้งสองนี้จะตีห่างจากเส้นหลัง 20 เซนติเมตร เหมือนกับแนวต่อจากเส้นข้างและรวมอยู่ในความกว้างของเขตเสิร์ฟด้วย
ในแนวลึกเขตเสิร์ฟจะยาวออกไปจนถึงปลายสุดของเขตรอบสนาม
1.4.3 เขตเปลี่ยนตัว คือเขตที่อยู่ภายในแนวของเส้นรุกทั้งสองเส้นไปจนถึงโต๊ะผู้บันทึกการแข่งขัน
1.4.4 พื้นที่อบอุ่นร่างกายสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการพื้นที่อบอุ่นร่างกายขนาด 3 x 3 เมตร จะอยู่ที่นอกเขตรอบสนามตรงมุมสนามด้านเดียวกับม้านั่งของผู้เล่นสำรอง
1.4.5 พื้นที่ทำโทษ พื้นที่ทำโทษขนาดประมาณ 1 x 1 เมตร มีเก้าอี้ตั้งไว้ 2 ตัวอยู่ในพื้นที่ควบคุมการแข่งขัน (CONTROL AREA) แต่อยู่เลยแนวของเส้นหลังและมีเส้นแดงกว้าง 5 เซนติเมตร กำหนดพื้นที่
1.5 อุณหภูมิ (TEMPERATURE)
อุณหภูมิต่ำสุดต้องไม่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการแสงสว่างบนพื้นที่เล่นลูกต้องมีความสว่าง 1,000 – 1,500 ลักซ์โดยวัดที่ระดับความสูงจากพื้นสนาม 1 เมตร
1.1 ขนาดของสนาม (Dimension)
สนามแข่งขันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 18 x 9 เมตร ล้อมรอบด้วยเขตรอบสนาม กว้างอย่างน้อยที่สุด 3 เมตร
ทุกด้านที่ว่างสำหรับเล่นลูก คือ ที่ว่างเหนือพื้นที่เล่นลูก ซึ่งไม่มีสิ่งใดกีดขวาง สูงขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 7 เมตร จากพื้นสนามสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) และการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
เขตรอบสนามต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 5 เมตรจากเส้นข้าง 8 เมตรจากเส้นหลังและที่ว่างสำหรับเล่นลูกต้องสูงจาก
พื้นสนามขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 12.50 เมตร
1.2 พื้นผิวสนาม (PLAYING SURFACE)
1.2.1 พื้นผิวสนามต้องเรียบเป็นพื้นราบและเหมือนกันตลอดทั้งสนามต้องไม่เป็นอันตรายจนเป็นเหตุให้ผู้เล่นบาดเจ็บและไม่อนุญาตให้แข่งขันบนพื้นสนามที่ขรุขระหรือลื่นสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาต
ิและการแข่งขันอย่างเป็นทางการอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะพื้นผิวสนามที่เป็นไม้หรือพื้นผิวสังเคราะห์เท่านั้นพื้นผิวสนาม
อื่นใดต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์วอลเลย์บอลก่อนทั้งสิ้น
1.2.2 สนามแข่งขันในร่มพื้นผิวสนามต้องเป็นสีสว่างสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการเส้นสนามต้องเป็นสีขาวส่วนพื้นสนามแข่งขันและบริเวณเขตรอบสนามต้องเป็นสีแตกต่างกันออกไป
1.2.3 สนามแข่งขันกลางแจ้ง อนุญาตให้พื้นผิวสนามลาดเอียงได้ 1 มิลลิเมตรต่อ 1 เมตรเพื่อการระบายน้ำ ห้ามใช้ของแข็งทำเส้นสนาม
1.3 เส้นบนพื้นสนาม (LINES ON THE COURT)
1.3.1 เส้นทุกเส้นกว้าง 5 เซนติเมตรเป็นสีสว่างแตกต่างจากสีของพื้นผิวสนามและเส้นอื่น ๆ
1.3.2 เส้นเขตสนามเส้นข้าง 2 เส้น และเส้นหลัง 2 เส้น เป็นเส้นกำหนดเขตสนามแข่งขันเส้นทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายในเขตของสนามแข่งขัน
1.3.3 เส้นแบ่งแดนกึ่งกลางเส้นแบ่งแดน จะแบ่งสนามแข่งขันออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน ขนาด 9 x 9 เมตร เส้นนี้ลากจากเส้นข้างด้านหนึ่งไปยังเส้นข้างอีกดานหนึ่งใต้ตาข่าย
1.3.4 เส้นรุกแต่ละแดนของสนามจะมีเส้นรุกซึ่งริมสุดด้านนอกของเส้นจะขีดห่างจากจุดกึ่งกลางของเส้นแบ่งแดน 3 เมตร เป็นเครื่องหมายของเขตรุก สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการเส้นรุกจะถูกขีดต่อออกไปจากเส้นข้างทั้ง 2 เส้น เป็นเส้นประ กว้าง 5เซนติเมตรยาวเส้นละ 15 เซนติเมตร5 เส้น และเว้นช่องว่างระหว่างเส้นไว้ช่องละ20 เซนติเมตรรวมยาวข้างละ 1.75 เมตร
1.4 เขตและพื้นที่ต่างๆ (Zone And Areas)
1.4.1 เขตรุกเขตรุกของแต่ละแดนจะถูกกำหนดจากึ่งกลางของเส้นแบ่งเขตแดนไปจนถึงริมสุดด้านนอกของเส้นรุก
เขตรุกถือเสมือนว่ามีความยาวจากเส้นทั้งสองไปจนถึงริมสุดของเขตรอบสนาม
1.4.2 เขตเสิร์ฟเขตเสิร์ฟมีพื้นที่กว้าง 9 เมตร อยู่เลยเส้นหลังแต่ละเส้นออกไป
เส้นขนานสั้น ๆ 2 เส้น ยาวเส้นละ 15 เซนติเมตร เป็นเส้นกำหนดเขตเสิร์ฟเส้นทั้งสองนี้จะตีห่างจากเส้นหลัง 20 เซนติเมตร เหมือนกับแนวต่อจากเส้นข้างและรวมอยู่ในความกว้างของเขตเสิร์ฟด้วย
ในแนวลึกเขตเสิร์ฟจะยาวออกไปจนถึงปลายสุดของเขตรอบสนาม
1.4.3 เขตเปลี่ยนตัว คือเขตที่อยู่ภายในแนวของเส้นรุกทั้งสองเส้นไปจนถึงโต๊ะผู้บันทึกการแข่งขัน
1.4.4 พื้นที่อบอุ่นร่างกายสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการพื้นที่อบอุ่นร่างกายขนาด 3 x 3 เมตร จะอยู่ที่นอกเขตรอบสนามตรงมุมสนามด้านเดียวกับม้านั่งของผู้เล่นสำรอง
1.4.5 พื้นที่ทำโทษ พื้นที่ทำโทษขนาดประมาณ 1 x 1 เมตร มีเก้าอี้ตั้งไว้ 2 ตัวอยู่ในพื้นที่ควบคุมการแข่งขัน (CONTROL AREA) แต่อยู่เลยแนวของเส้นหลังและมีเส้นแดงกว้าง 5 เซนติเมตร กำหนดพื้นที่
1.5 อุณหภูมิ (TEMPERATURE)
อุณหภูมิต่ำสุดต้องไม่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการแสงสว่างบนพื้นที่เล่นลูกต้องมีความสว่าง 1,000 – 1,500 ลักซ์โดยวัดที่ระดับความสูงจากพื้นสนาม 1 เมตร
จริง ๆ แล้วมันมีรูปแผนผังตำแหน่งของกรรมการด้วยนะ
แต่ว่าเราเอามาลงไม่ได้ งงจัง เอาเป็นว่าใครรู้วิธีบอกหนูหน่อย TT
กติกาการเล่นข้อที่ 2 ตาข่ายและเสาขึงตาข่าย (NET AND POSTS)
2.1 ความสูงของตาข่าย (HEIGHT OF THE NET)
2.1.1 ตาข่าย ขึงเป็นแนวตั้งเหนือเส้นเบ่งแดน สำหรับทีมชายขอบบนสุดต้องสูงจากพื้นที่ 2.43 เมตร ทีมหญิง 2.24 เมตร
2.1.2 ความสูงของตาข่าย วัดที่กึ่งกลางของสนามความสูงของตาข่าย (เหนือเส้นทั้งสอง)ต้องสูงเท่ากัน
แต่จะสูงเกินกว่าความสูงที่กำหนด 2 เซนติเมตรไม่ได้
2.2 โครงสร้าง (STRUCTURE)
ตาข่ายมีความกว้าง 1 เมตร และยาว 9.50 ถึง 10.00 เมตร (โดยมีความยาวเหลืออยู่ 25 ถึง 50 เซนติเมตร จากแถบข้างแต่ละด้าน) ทำด้วยวัสดุสีดำเป็นตาสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 10 เซนติเมตร ที่ขอบบนของตาข่าย
มีแถบขนานกับพื้นพับ 2 ชั้น สีขาว กว้าง 7 เซนติเมตร เย็บติดตลอดความยาวของตาข่ายที่ปลายสุดแต่ละข้าง
เจาะรูไว้ข้างละ 1 รู เพื่อร้อยเชือกผูกกับเสาขึงตาข่ายดึงให้แถบบนสุดของตาข่ายตึง ภายในแถบมีสายที่ยืดหยุ่น
ได้สำหรับผูกกับเสาเพื่อทำให้ส่วนบนสุดของตาข่ายตึง ที่ตาข่ายด้านล่างมีแถบขนานกับพื้นกว้าง 5 เซนติเมตร
ภายในแถบมีสายที่หยืดหยุ่นได้สำหรับผูกกับเสาเพื่อให้ส่วนล่างของตาข่ายตึง
2.3 แถบข้าง (SIDE BANDS)
แถบสีขาว 2 เส้นผูกในแนวตั้งกับตาข่ายเหนือทั้ง 2 เส้น แถบข้างกว้าง 5เซนติเมตร ยาว 1 เมตรและถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตาข่าย
2.4 เสาอากาศ(ANTENNAE)
เสาอากาศเป็นแท่งกลมยืดหยุ่นได้ ยาว 1.80 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลาง 10มิลลิเมตรทำด้วยใยแก้วหรือวัสดุที่คล้ายคลึง
กันเสาอากาศแต่ละต้นถูกยึดติดอยู่ที่ริมด้านนอกของแถบข้างทั้งสองแต่อยู่คนละด้านของตาข่าย ส่วนบนสุดของเสา
อากาศ ถือเป็นสีสลับกันเป็นช่วง ๆยาวช่องละ 10 เซนติเมตร ส่วนมากแล้วนิยมใช้สีแดงและขาวเสาอากาศถือเป็น
ส่วนหนึ่ง ของตาข่ายเป็นแนวขนานที่กำหนดพื้นที่ข้ามตาข่าย
2.5 เสาขึงตาข่าย (POSTS)
2.5.1 เสาขึงตาข่ายยึดติดกับพื้นสนามห่างจากเส้นข้าง 0.50 – 1.00 เมตร มีความสูง 2.55 เมตร สามารถปรับระดับได้สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการเสาขึง
ตาข่ายยึดติดกับพื้นสนาม ห่างจากเส้นข้าง 1 เมตร เว้นแต่ว่าได้รับการยินยอมจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
2.5.2 เสาขึงตาข่ายมีลักษณะกลมและเรียบยึดติดกับพื้นโดยไม่มีสายยึดเสาและต้องไม่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย
และไม่เป็นสิ่งกีดขวางใดๆ
2.6 อุปกรณ์อื่น ๆ (ADDITIONAL EQUIPMENT)
อุปกรณ์อื่นใดให้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงตามระเบียบของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
กติกาการเล่นข้อที่ 3 ลูกบอล (BALLS)
3.1 มาตรฐาน (STANDARD)
ลูกบอลต้องกลม ทำด้วยหนังฟอกหรือหนังสังเคราะห์ที่ยืดหยุ่นได้ห่อหุ้มลูกบอลทรงกลมที่ทำด้วยยาง หรือวัสดุ
ที่คล้ายคลึงกันสีของลูกบอลอาจเป็นสีอ่อน ๆ เหมือนกันทั้งลูก หรืออาจเป็นหลายสีผสมกันก็ได้ลูกบอลซึ่งทำด้วย
วัสดุที่เป็นหนังสังเคราะห์มีหลายสีผสมกันและจะใช้ในการแข่งขันระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการต้องมีมาตรฐาน
ตามที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติกำหนด ลูกบอลต้องมีแรงดันลม 0.30 – 0.325 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ลูกบอลต้องมีเส้นรอบวงกลม 65 – 67 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 260 – 280 กรัม
3.2 รูปแบบของลูกบอล (UNIFORMITY OF BALLS)
ลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขันต้องมีเส้นรอบวง น้ำหนัก แรงอัดชนิดและสีตามาตรฐานเดียวกันการแข่งขันระดับโลก
ของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและรวมทั้งระดับชาติหรือการแข่งขันลีก (League) ของแต่ละประเทศต้อง ใช้ลูกบอลที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติรับรองเท่านั้นเว้นแต่ได้รับการยินยอมจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
3.3 ระบบการใช้ลูกบอล 3 ลูก (THREE – BALL SYSTEM)
การแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการจะใช้ลูกบอล 3 ลูก โดยมีผู้กลิ้งบอล 6 คน ประจำที่มุมของเขตรอบสนามทั้งสี่มุม มุมละ 1 คน และข้างหลังผู้ตัดสินด้านละ 1 คน
กติกาการเล่นข้อที่ 4 ทีม (TEAMS)
4.1 ส่วนประกอบของทีม (TEAM COMPOSITION)
4.1.1 ทีมประกอบด้วยผู้เล่นไม่เกิน 12 คน ผู้ฝึกสอน 1 คนผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน เทรนเนอร์ 1คน และแพทย์ 1 คน
สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการแพทย์ต้องขึ้นทะเบียน
กับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติก่อนการแข่งขัน
4.1.2 ผู้เล่นคนหนึ่งของทีมที่ไม่ใช่ตัวรับอิสระ (LIBERO PLAYER) ต้องเป็นหัวหน้าทีมและจะระบุไว้ในใบบันทึกการแข่งขัน
4.1.3 ผู้เล่นที่มีชื่ออยู่ในใบบันบันทึกการแข่งขันเท่านั้นจึงจะลงสนามและร่วมการแข่งขันได้เมื่อผู้ฝึกสอนและหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) ลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันแล้วจะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นอีกไม่ได้
4.2 ตำแหน่งที่อยู่ของทีม (LOCATION OF THE TEAM)
4.2.1 ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงแข่งขันควรนั่งม้านั่งหรืออยู่ในพื้นที่อบอุ่นร่างกายของทีมตนเองผู้ฝึกสอนและผู้ร่วมทีมคนอื่น
ต้องนั่งบนม้านั่งแต่อาจลุกจากม้านั่งเป็นครั้งคราว ม้านั่งของทีมตั้งอยู่ข้าง ๆ โต๊ะผู้บันทึกนอกเขตรอบสนาม
4.2.2 เฉพาะผู้ร่วมทีมเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งม้านั่งระหว่างการแข่งขันและร่วมการอบอุ่นร่างกายก่อนการแข่งขัน
4.2.3 ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงแข่งขันสามารถอบอุ่นร่างกายโดยไม่ใช่ลุกบอลได้ดังนี้
4.2.3.1 ระหว่างการแข่งขันในพื้นที่อบอุ่นร่างกาย
4.2.3.2 ระหว่างขอเวลานอกและเวลาเทคนิคในเขตรอบสนามด้านหลังแดนของทีมตนเอง
4.2.4 ช่วงพักระหว่างเชตผู้เล่นสามารถอบอุ่นร่างกายโดยใช้ลูกบอลได้ในเขตรอบสนามของทีมตนเอง
4.3 เครื่องแต่งกาย (EQUIPMENT)
เครื่องแต่งกายของผู้เล่นประกอยด้วย เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ถุงเท้า (ชุดแข่งขัน) และรองเท้า
4.3.1 สีและแบบของเสื้อยืด กางเกงขาสั้น และถุงเท้าต้องเหมือนกันทั้งทีม (ยกเว้นตัวรับอิสระ LIBERO PLAYER) และสะอาด
4.3.2 รองเท้าต้องเบาและอ่อนนุ่ม พื้นเป็นยางหรือหนังไม่มีส้นสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอล
นานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการในรุ่นที่ไม่กำจัดอายุสีรองเท้าต้องเป็นสีเดียวกันทั้งทีมแต่เครื่องหมาย
การค้าอาจมีสีแตกต่างกันได้เสื้อและกางเกงต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
4.3.3 เสื้อผู้เล่นต้องมีเครื่องหมาย 1 – 18
4.3.3.1 ต้องติดเครื่องที่กลางอกและกลางหลังสีของเครื่องหมายเลขต้องตัดกับสีเสื้ออย่างชัดเจน
4.3.3.2 หมายเลขด้านหน้าต้องสูงอย่างน้อยที่สุด 15 เซนติเมตร ด้านหลังอย่างน้อยที่สุด 20 เซนติเมตร และความกว้างของแถบที่ทำหมายเลข ต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 1 เซนติเมตร
4.3.4 หัวหน้าทีมต้องมีแถบยาว 8 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรติดอยู่ใต้หมายเลขตรงอกเสื้อ
4.3.5 ห้ามใส่ชุดแข่งขันที่มีหมายเลขไม่ถูกต้องหรือชุที่มีสีแตกต่างจากผู้เล่นอื่น
4.4 การเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย (CHANGE OF EQUIPMENT)
ผู้ตัดสินคนที่ 1 มีอำนาจที่จะให้ผู้เล่น 1 คน หรือมากกว่า
4.4.1 ลงแข่งขันโดยไม่สวมรองเท้าก็ได้
4.4.2 เปลี่ยนชุดที่เปียกช่วงพักระหว่างเชตหรือหลังจากการเปลี่ยนตัวได้ โดยสี แบบและหมายเลขของชุดใหม่ต้องเหมือนับชุดเดิม
4.4.3 สวมชุดวอร์มลงแข่งขันได้ถ้าอากาศหนาว ถ้าสีและแบบของชุควอร์ม
เหมือนกันทั้งทีมและหมายเลขต้องเป็นไปตามปกติ
4.5 สิ่งที่ห้ามสวมใส่ (FORBIDDEN OBJECTS)
4.5.1 ห้ามสวมใส่สิ่งของซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการบาดเจ็บหรือช่วยให้ผู้เล่นได้เปรียบผู้อื่น
4.5.2 ผู้เล่นอาจสวมแว่นตาหรือคอนเทคเลนซ์ได้โดยรับผิดชอบอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเอง
กติกาข้อการเล่นที่ 5 ผู้นำของทีม (TEAM LEADER
ทั้งหัวหน้าทีมหรือผู้ฝึกสอนเป็นผผู้รับผิดชอบความประพฤติและระเบียบวินัยของผู้ร่วมทีม
ตัวรับอิสระจะเป็นหัวหน้าทีมไม่ได้
5.1 หัวหน้าทีม (CAPTAIN)
5.1.1 ก่อนการแข่งขันหัวหน้าทีมเป็นผู้ลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันและเป็นผู้แทนของทีมในการเสี่ยง
5.1.2 ระหว่างการแข่งขันและขณะอยู่ในสนามแข่งขันหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) ผู้นำในการแข่งขัน เมื่อหัวหน้าทีมไม่ได้เล่นอยู่ในสนามผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีมต้องแต่งตั้งผู้เล่นคนหนึ่งที่อยู่ในสนามแต่ต้องไม่ไช่
ตัวรับอิสระ ทำหน้าที่หัวหน้าทีมในการแข่งขัน (GAME CAPTAIN) และต้องรับผิดชอบไปจนกว่าหัวหน้าทีม
(TEAM CAPTAIN) จะเปลี่ยนตัวมาลงเล่นอีกหรือจนกว่าจะสิ้นสุดเซตนั้นเมื่อลูกตายหัวหน้าทีมในการแข่งขันเท่านั้น
ที่มีสิทธิเป็นผู้แทนของผู้เล่นทั้งหมดพูดกับผู้ตัดสินเพื่อ
5.1.2.1 ขอคำอธิบายในการตีความกติกาหรือนำกติกามาใช้และร้องขอหรือถามคำถามของเพื่อนร่วมทีมถ้าคำอธิบาย
ไม่เป็นที่พอใจหัวหน้าในการแข่งขันต้องประท้องการตัดสินนั้นและสงวนสิทธิบันทึกการประท้องอย่างเป็นทางการ ในใบบันทึกการแข่งขัน เมื่อการแข่งขันจบสิ้นลง
5.1.2.2 ขอสิทธิ
ก.เปลี่ยนชุดหรืออุปกรณ์การแข่งขันบางส่วนหรือทั้งหมด ข.ตรวจตำแหน่งผู้เล่นของทีม ค. ตรวจพื้นสนาม ตาข่าย และลูกบอล
5.1.2.3 ขอเวลานอกและเปลี่ยนตัวผู้เล่น
5.1.3 เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันหัวหน้าทีมต้อง
5.1.3.1 แสดงความขอบคุณผู้ตัดสินและลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันการประท้องอย่างเป็นทางการต่อผู้ตัดสินเกี่ยวกับการนำกติกาใช้หรือตีความกติกาลงในใบบันทึกการแข่งขัน
5.2 ผู้ฝึกสอน (COACH)
5.2.1 ตลอดการแข่งขันผู้ฝึกสอนเป็นผู้ควบคุมการเล่นของทีมภายในสนามแข่งขัน เป็นผู้เลือกผู้เล่น 6 คนแรกเปลี่ยนตัวผู้เล่นและขอเวลานอกผู้ฝึกสอนทำหน้าที่ดังกล่าวได้โดยขอผ่านทางผู้ตัดสินที่ 2
5.2.2 ก่อนการแข่งขันผู้ฝึกสอนต้องบันทึกหรือตรวจสอบรายชื่อและหมายเลขของผู้เล่นในใบบันทึกการแข่งขัน
5.2.3 ระหว่างการแข่งขัน ผู้ฝึกสอนต้อง
5.2.3.1 ยืนใบส่งตำแหน่งของผู้เล่นที่ลงชื่อแล้วให้ผู้ตัดสินหรือผู้บันทึกก่อนการแข่งขันทุกเซต
5.2.3.2 นั่งม้านั่งของทีมซึ่งใกล้กับผู้บันทึกมากที่สุดแต่อาจลูกจากม้านั่งได้เป็นครั้งคราว
5.2.3.3 ขอเวลานอกและเปลี่ยนตัวผู้เล่น
5.2.3.4 ผู้ฝึกสอนรวมทั้งผู้ร่วมทีมอื่น ๆอาจให้คำแนะนำผู้เล่นในสนามได้โดยผู้ฝึกสอนอาจให้คำแนะนำผู้เล่นใน
สนามได้โดยผู้ฝึกสอนอาจให้คำแนะนำขณะที่ยืนหรือเดินภายในเขตเล่นลูก(FREE ZONE) ด้านหน้าของม้านั่ง
ผู้เล่นสำรองตั้งแต่แนวที่ยื่นออกมาของเส้นรุกจนถึงพื้นที่อบอุ่นร่างกายแต่ต้องไม่รบกวนหรือถ่วงเวลาการแข่งขัน
5.3 ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน (ASSISTANT COACH)
5.3.1 ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนนั่งบนม้านั่งของทีม แต่ไม่มีสิทธิใด ๆที่จะหยุดการแข่งขัน
5.3.2 ถ้าผู้ฝึกสอนไม่อยู่ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนอาจทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนแทนได้โดยการขออนุญาตของหัวหน้าทีมในขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN) และได้รับการยินยอมจากผู้ตัดสินที่ 1
กติกาการเล่นข้อที่ 6 การได้คะแนน การชนะในแต่ละเชต และการชนะแต่ละนัด
6.1 การได้คะแนน (TO SCORE A POINT)
6.1.1 คะแนน ทีมได้คะแนนเมื่อ
6.1.1.1 ทำให้ลูกบอลตกลงบนพื้นสนามในแดนของทีมตรงข้าม
6.1.1.2 ทีมตรงข้ามทำผิดกติกา
6.1.1.3 ทีมตรงข้ามถูกลงโทษ
6.1.2 การทำผิดกติกาทีมทำผิดกติกาเมื่อลักษณะของการเล่นตรงข้ามกับกติกาการแข่งขัน
(หรือขัดแย้งกับกติกาโดยวิธีอื่นใด)ผู้ตัดสินจะตัดสินการการกระทำผิดและตัดสินใจดำเนินการตามกติกา ดังนี้
6.1.2.1 ถ้ามีการเล่นผิดกติกาสองอย่างหรือมากกว่าเกิดขึ้นต่อเนื่องกันจะลงโทษเฉพาะการผิดกติกาที่เกิดขึ้นก่อนเท่านั้น
6.1.2.2 ถ้าทั้งสองทีมเล่นผิดกติกาสองอย่างหรือมากกว่าพร้อม ๆ กันทั้งสองทีมจะถือว่าเป็นการกระทำผิดทั้งคู่ และจะเล่นลูกนั้นใหม่
6.1.3 ผลที่ตามมาเมื่อชนะการเล่นลูกการเล่นลูกเป็นลักษณะการเล่นที่เริ่มต้นตั้งแต่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟจนกระทั้งลูกตาย 6.1.3.1 ถ้าทีมที่เป้นฝ่ายเสิร์ฟชนะการเล่นลูกจะได้คะแนนและได้เสิร์ฟต่อ
6.1.3.2 ถ้าทีมที่เป้นฝ่ายรับลูกเสิร์ฟชนะการเล่นลูกจะได้คะแนนและได้เสิร์ฟในครั้งต่อไป
6.2 การชนะในแต่ละเซต (TO WIN A SET)
ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อน (ยกเว้นเซตตัดสิน) และมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุก 2 คะแนนจะเป็นทีมชนะการแข่งขันเซตนั้น ถ้าทำได้ 24 คะแนนเท่ากันจะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน
6.3 การชนะการแข่งขันแต่ละนัด (TO WIN THE MATCH)
6.3.1 ทีมที่ทำได้ 3 เซต เป็นทีมที่ชนะการแข่งขันนัดนั้น
6.3.2 ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2 : 2 การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5) จะแข่งขันกัน15 คะแนน และต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อย 2 คะแนน
6.4 ทีมที่ผิดระเบียบการแข่งขันและไม่พร้อมจะแข่งขัน (DEFAULT AND INCOMPLETE TEAM)
6.4.1 ถ้าทีมปฏิเสธที่จะแข่งขันหลังจากได้รับแจ้งให้แข่งขันต่อ ทีมนั้นจะถูกแจ้งว่าทำผิดระเบียบการแข่งขันและปรับเป็นแพ้ในการแข่งขันนัดนั้น ด้วยผลการแข่งขัน 0 – 3เซต คะแนน 0 – 25 ในแต่ละเซต
6.4.2 ทีมที่ไม่ปรากฏตัว ณสนามแข่งขันตามเวลาที่กำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรถือว่าผิดระเบียบการแข่งขันและมีผลการแข่งขันเช่นเดียวกับกติกาข้อ 6.4.1
6.4.3 ทีมที่ถูกแจ้งว่าไม่พร้อมในการแข่งขันนัดใดนัดหนึ่งหรือการแข่งขันเซตใดเซตหนึ่งจะแพ้ในเซตนั้นหรือการแข่งขันนัดนั้นทีมตรงข้ามจะได้คะแนนและเซตเพื่อเป็นทีมชนะในเซตหรือการแข่งขันนัดนั้นส่วนทีมที่ไม่พร้อมจะแข่งขันจะยังคงได้คะแนนและเชตที่ทำไว้
กติกาการเล่นข้อที่ 7 โครงสร้างของการแข่งขัน (STRUCTURE OF PLAY)
7.1 การเสี่ยง (TOSS)
ก่อนการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 จะทำการเสี่ยงเพื่อตัดสินว่าทีมใดจะทำการเสิร์ฟก่อนหรืออยู่แดนใด ในเซตที่ 1ถ้าต้องการแข่งขันเซตตัดสินจะต้องทำการเสี่ยงใหม่อีกครั้งหนึ่ง
7.1.1 การเสี่ยงต้องทำโดยมีหัวหน้าทีมทั้งสองทีมร่วมอยู่ด้วย
7.1.2 ผู้ชนะการเสี่ยงจะสิทธิเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
7.1.2.1 เลือกเสิร์ฟหรือรับลูกเสิร์ฟ
7.1.2.2 เลือกแดนใดแดนหนึ่งของสนามก็ได้ผู้แพ้การเสี่ยงจะได้รับส่วนที่เหลือ
7.1.3 ในกรณีที่ทำการอบอุ่นร่างกายมาพร้อมกันทีมที่ทำกาเสิร์ฟก่อนจะทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายก่อน
7.2 การอบอุ่นร่างกาย (WARM-UP SESSION)
7.2.1 ก่อนการแข่งขันถ้าทีมมีสนามอบอุ่นร่างกายที่จัดไว้ให้แล้วแต่ละทีมจะทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายได้ทีมละ 5 นาที
7.2.2 ถ้าหัวหน้าทีมทั้งสองตกลงทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายพร้อมกันจะอบอุ่นร่างกายได้ 6 นาที หรือ 10 นาที
7.3 ตำแหน่งการเริ่มต้นของทีม (TEAM STARTING LINE-UP)
7.3.1 ทีมต้อมีผู้เล่น 6 คนเสมอ ในการแข่งขันตำแหน่งเริ่มต้นของทีมแสดงถึงลำดับการหมุนตำแหน่งของผู้เล่นในสนามลำดับนี้ตะคงอยู่ตลอดเวลานั้น
7.3.2 ก่อนการเริ่มแข่งขันแต่ละเซตผู้ฝึกสอนต้องแจ้งตำแหน่งเริ่มต้นเล่นทีมของตนเองในใบส่งตำแหน่งซึ่งเขียนหมายเลขของผู้เล่นและลงชื่อกำกับแล้ว ส่งให้ผู้ตัดสินที่ 2 หรือผู้บันทึกการแข่งขัน
7.3.3 ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเริ่มต้นเล่นของทีมจะเป็นผู้เล่นสำรองในเซตนั้น
7.3.4 เมื่อใบส่งตำแหน่งเริ่มต้นเล่นถูกนำส่งให้ผู้ตัดสินที่ 2 หรือผู้บันทึกการแข่งขันแล้วจะไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงใบส่งตำแหน่งอีกนอกจากต้องการทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นตามปกติ
7.3.5 ถ้าพบว่ามีการผิดพลาดระหว่างใบส่งตำแหน่งกับตำแหน่งของผู้เล่นในสนาม
7.3.5.1 ถ้าพบว่ามีการผิดพลาดก่อนเริ่มการแข่งขันของเซตผู้เล่นต้องเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นไปตามใบส่งตำแหน่งโดยไม่มีการลงโทษ
7.3.5.2 อย่างไรก็ตามถ้าผู้ฝึกสอนต้องการให้ผู้เล่นเปลี่ยนที่ไม่ได้ระบุไว้ในใบส่งตำแหน่งยังคงอยู่ในสนามผู้ฝึกสอนต้องของเปลี่ยนตัวตามปกติและต้องบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขัน
7.4 ตำแหน่ง (POSITIONS)
ขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟลูกบอลแต่ละทีมต้องอยู่ในแดนของตนเองตามลำดับการหมุมตำแหน่ง
7.4.1 ตำแหน่งของผู้เล่นจำแนกได้ดังนี้
7.4.1.1 ผู้เล่นแถวหน้า 3 คนที่อยู่ใกล้ตาข่ายเป็นผู้เล่นแถวหน้าอยู่ในตำแหน่งที่4 ตำแหน่งที่ 3 และตำแหน่งที่ 2
7.4.1.2 ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้เล่นแถวหลังอยู่ในตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งที่ 6ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งของผู้เล่นจะถือตำแหน่งของเท้าที่แตะพื้นเป็นเครื่องหมายกำหนด
แต่ว่าเราเอามาลงไม่ได้ งงจัง เอาเป็นว่าใครรู้วิธีบอกหนูหน่อย TT
กติกาการเล่นข้อที่ 2 ตาข่ายและเสาขึงตาข่าย (NET AND POSTS)
2.1 ความสูงของตาข่าย (HEIGHT OF THE NET)
2.1.1 ตาข่าย ขึงเป็นแนวตั้งเหนือเส้นเบ่งแดน สำหรับทีมชายขอบบนสุดต้องสูงจากพื้นที่ 2.43 เมตร ทีมหญิง 2.24 เมตร
2.1.2 ความสูงของตาข่าย วัดที่กึ่งกลางของสนามความสูงของตาข่าย (เหนือเส้นทั้งสอง)ต้องสูงเท่ากัน
แต่จะสูงเกินกว่าความสูงที่กำหนด 2 เซนติเมตรไม่ได้
2.2 โครงสร้าง (STRUCTURE)
ตาข่ายมีความกว้าง 1 เมตร และยาว 9.50 ถึง 10.00 เมตร (โดยมีความยาวเหลืออยู่ 25 ถึง 50 เซนติเมตร จากแถบข้างแต่ละด้าน) ทำด้วยวัสดุสีดำเป็นตาสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 10 เซนติเมตร ที่ขอบบนของตาข่าย
มีแถบขนานกับพื้นพับ 2 ชั้น สีขาว กว้าง 7 เซนติเมตร เย็บติดตลอดความยาวของตาข่ายที่ปลายสุดแต่ละข้าง
เจาะรูไว้ข้างละ 1 รู เพื่อร้อยเชือกผูกกับเสาขึงตาข่ายดึงให้แถบบนสุดของตาข่ายตึง ภายในแถบมีสายที่ยืดหยุ่น
ได้สำหรับผูกกับเสาเพื่อทำให้ส่วนบนสุดของตาข่ายตึง ที่ตาข่ายด้านล่างมีแถบขนานกับพื้นกว้าง 5 เซนติเมตร
ภายในแถบมีสายที่หยืดหยุ่นได้สำหรับผูกกับเสาเพื่อให้ส่วนล่างของตาข่ายตึง
2.3 แถบข้าง (SIDE BANDS)
แถบสีขาว 2 เส้นผูกในแนวตั้งกับตาข่ายเหนือทั้ง 2 เส้น แถบข้างกว้าง 5เซนติเมตร ยาว 1 เมตรและถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตาข่าย
2.4 เสาอากาศ(ANTENNAE)
เสาอากาศเป็นแท่งกลมยืดหยุ่นได้ ยาว 1.80 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลาง 10มิลลิเมตรทำด้วยใยแก้วหรือวัสดุที่คล้ายคลึง
กันเสาอากาศแต่ละต้นถูกยึดติดอยู่ที่ริมด้านนอกของแถบข้างทั้งสองแต่อยู่คนละด้านของตาข่าย ส่วนบนสุดของเสา
อากาศ ถือเป็นสีสลับกันเป็นช่วง ๆยาวช่องละ 10 เซนติเมตร ส่วนมากแล้วนิยมใช้สีแดงและขาวเสาอากาศถือเป็น
ส่วนหนึ่ง ของตาข่ายเป็นแนวขนานที่กำหนดพื้นที่ข้ามตาข่าย
2.5 เสาขึงตาข่าย (POSTS)
2.5.1 เสาขึงตาข่ายยึดติดกับพื้นสนามห่างจากเส้นข้าง 0.50 – 1.00 เมตร มีความสูง 2.55 เมตร สามารถปรับระดับได้สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการเสาขึง
ตาข่ายยึดติดกับพื้นสนาม ห่างจากเส้นข้าง 1 เมตร เว้นแต่ว่าได้รับการยินยอมจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
2.5.2 เสาขึงตาข่ายมีลักษณะกลมและเรียบยึดติดกับพื้นโดยไม่มีสายยึดเสาและต้องไม่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย
และไม่เป็นสิ่งกีดขวางใดๆ
2.6 อุปกรณ์อื่น ๆ (ADDITIONAL EQUIPMENT)
อุปกรณ์อื่นใดให้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงตามระเบียบของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
กติกาการเล่นข้อที่ 3 ลูกบอล (BALLS)
3.1 มาตรฐาน (STANDARD)
ลูกบอลต้องกลม ทำด้วยหนังฟอกหรือหนังสังเคราะห์ที่ยืดหยุ่นได้ห่อหุ้มลูกบอลทรงกลมที่ทำด้วยยาง หรือวัสดุ
ที่คล้ายคลึงกันสีของลูกบอลอาจเป็นสีอ่อน ๆ เหมือนกันทั้งลูก หรืออาจเป็นหลายสีผสมกันก็ได้ลูกบอลซึ่งทำด้วย
วัสดุที่เป็นหนังสังเคราะห์มีหลายสีผสมกันและจะใช้ในการแข่งขันระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการต้องมีมาตรฐาน
ตามที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติกำหนด ลูกบอลต้องมีแรงดันลม 0.30 – 0.325 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ลูกบอลต้องมีเส้นรอบวงกลม 65 – 67 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 260 – 280 กรัม
3.2 รูปแบบของลูกบอล (UNIFORMITY OF BALLS)
ลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขันต้องมีเส้นรอบวง น้ำหนัก แรงอัดชนิดและสีตามาตรฐานเดียวกันการแข่งขันระดับโลก
ของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและรวมทั้งระดับชาติหรือการแข่งขันลีก (League) ของแต่ละประเทศต้อง ใช้ลูกบอลที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติรับรองเท่านั้นเว้นแต่ได้รับการยินยอมจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
3.3 ระบบการใช้ลูกบอล 3 ลูก (THREE – BALL SYSTEM)
การแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการจะใช้ลูกบอล 3 ลูก โดยมีผู้กลิ้งบอล 6 คน ประจำที่มุมของเขตรอบสนามทั้งสี่มุม มุมละ 1 คน และข้างหลังผู้ตัดสินด้านละ 1 คน
กติกาการเล่นข้อที่ 4 ทีม (TEAMS)
4.1 ส่วนประกอบของทีม (TEAM COMPOSITION)
4.1.1 ทีมประกอบด้วยผู้เล่นไม่เกิน 12 คน ผู้ฝึกสอน 1 คนผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน เทรนเนอร์ 1คน และแพทย์ 1 คน
สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการแพทย์ต้องขึ้นทะเบียน
กับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติก่อนการแข่งขัน
4.1.2 ผู้เล่นคนหนึ่งของทีมที่ไม่ใช่ตัวรับอิสระ (LIBERO PLAYER) ต้องเป็นหัวหน้าทีมและจะระบุไว้ในใบบันทึกการแข่งขัน
4.1.3 ผู้เล่นที่มีชื่ออยู่ในใบบันบันทึกการแข่งขันเท่านั้นจึงจะลงสนามและร่วมการแข่งขันได้เมื่อผู้ฝึกสอนและหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) ลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันแล้วจะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นอีกไม่ได้
4.2 ตำแหน่งที่อยู่ของทีม (LOCATION OF THE TEAM)
4.2.1 ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงแข่งขันควรนั่งม้านั่งหรืออยู่ในพื้นที่อบอุ่นร่างกายของทีมตนเองผู้ฝึกสอนและผู้ร่วมทีมคนอื่น
ต้องนั่งบนม้านั่งแต่อาจลุกจากม้านั่งเป็นครั้งคราว ม้านั่งของทีมตั้งอยู่ข้าง ๆ โต๊ะผู้บันทึกนอกเขตรอบสนาม
4.2.2 เฉพาะผู้ร่วมทีมเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งม้านั่งระหว่างการแข่งขันและร่วมการอบอุ่นร่างกายก่อนการแข่งขัน
4.2.3 ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงแข่งขันสามารถอบอุ่นร่างกายโดยไม่ใช่ลุกบอลได้ดังนี้
4.2.3.1 ระหว่างการแข่งขันในพื้นที่อบอุ่นร่างกาย
4.2.3.2 ระหว่างขอเวลานอกและเวลาเทคนิคในเขตรอบสนามด้านหลังแดนของทีมตนเอง
4.2.4 ช่วงพักระหว่างเชตผู้เล่นสามารถอบอุ่นร่างกายโดยใช้ลูกบอลได้ในเขตรอบสนามของทีมตนเอง
4.3 เครื่องแต่งกาย (EQUIPMENT)
เครื่องแต่งกายของผู้เล่นประกอยด้วย เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ถุงเท้า (ชุดแข่งขัน) และรองเท้า
4.3.1 สีและแบบของเสื้อยืด กางเกงขาสั้น และถุงเท้าต้องเหมือนกันทั้งทีม (ยกเว้นตัวรับอิสระ LIBERO PLAYER) และสะอาด
4.3.2 รองเท้าต้องเบาและอ่อนนุ่ม พื้นเป็นยางหรือหนังไม่มีส้นสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอล
นานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการในรุ่นที่ไม่กำจัดอายุสีรองเท้าต้องเป็นสีเดียวกันทั้งทีมแต่เครื่องหมาย
การค้าอาจมีสีแตกต่างกันได้เสื้อและกางเกงต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
4.3.3 เสื้อผู้เล่นต้องมีเครื่องหมาย 1 – 18
4.3.3.1 ต้องติดเครื่องที่กลางอกและกลางหลังสีของเครื่องหมายเลขต้องตัดกับสีเสื้ออย่างชัดเจน
4.3.3.2 หมายเลขด้านหน้าต้องสูงอย่างน้อยที่สุด 15 เซนติเมตร ด้านหลังอย่างน้อยที่สุด 20 เซนติเมตร และความกว้างของแถบที่ทำหมายเลข ต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 1 เซนติเมตร
4.3.4 หัวหน้าทีมต้องมีแถบยาว 8 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรติดอยู่ใต้หมายเลขตรงอกเสื้อ
4.3.5 ห้ามใส่ชุดแข่งขันที่มีหมายเลขไม่ถูกต้องหรือชุที่มีสีแตกต่างจากผู้เล่นอื่น
4.4 การเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย (CHANGE OF EQUIPMENT)
ผู้ตัดสินคนที่ 1 มีอำนาจที่จะให้ผู้เล่น 1 คน หรือมากกว่า
4.4.1 ลงแข่งขันโดยไม่สวมรองเท้าก็ได้
4.4.2 เปลี่ยนชุดที่เปียกช่วงพักระหว่างเชตหรือหลังจากการเปลี่ยนตัวได้ โดยสี แบบและหมายเลขของชุดใหม่ต้องเหมือนับชุดเดิม
4.4.3 สวมชุดวอร์มลงแข่งขันได้ถ้าอากาศหนาว ถ้าสีและแบบของชุควอร์ม
เหมือนกันทั้งทีมและหมายเลขต้องเป็นไปตามปกติ
4.5 สิ่งที่ห้ามสวมใส่ (FORBIDDEN OBJECTS)
4.5.1 ห้ามสวมใส่สิ่งของซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการบาดเจ็บหรือช่วยให้ผู้เล่นได้เปรียบผู้อื่น
4.5.2 ผู้เล่นอาจสวมแว่นตาหรือคอนเทคเลนซ์ได้โดยรับผิดชอบอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเอง
กติกาข้อการเล่นที่ 5 ผู้นำของทีม (TEAM LEADER
ทั้งหัวหน้าทีมหรือผู้ฝึกสอนเป็นผผู้รับผิดชอบความประพฤติและระเบียบวินัยของผู้ร่วมทีม
ตัวรับอิสระจะเป็นหัวหน้าทีมไม่ได้
5.1 หัวหน้าทีม (CAPTAIN)
5.1.1 ก่อนการแข่งขันหัวหน้าทีมเป็นผู้ลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันและเป็นผู้แทนของทีมในการเสี่ยง
5.1.2 ระหว่างการแข่งขันและขณะอยู่ในสนามแข่งขันหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) ผู้นำในการแข่งขัน เมื่อหัวหน้าทีมไม่ได้เล่นอยู่ในสนามผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีมต้องแต่งตั้งผู้เล่นคนหนึ่งที่อยู่ในสนามแต่ต้องไม่ไช่
ตัวรับอิสระ ทำหน้าที่หัวหน้าทีมในการแข่งขัน (GAME CAPTAIN) และต้องรับผิดชอบไปจนกว่าหัวหน้าทีม
(TEAM CAPTAIN) จะเปลี่ยนตัวมาลงเล่นอีกหรือจนกว่าจะสิ้นสุดเซตนั้นเมื่อลูกตายหัวหน้าทีมในการแข่งขันเท่านั้น
ที่มีสิทธิเป็นผู้แทนของผู้เล่นทั้งหมดพูดกับผู้ตัดสินเพื่อ
5.1.2.1 ขอคำอธิบายในการตีความกติกาหรือนำกติกามาใช้และร้องขอหรือถามคำถามของเพื่อนร่วมทีมถ้าคำอธิบาย
ไม่เป็นที่พอใจหัวหน้าในการแข่งขันต้องประท้องการตัดสินนั้นและสงวนสิทธิบันทึกการประท้องอย่างเป็นทางการ ในใบบันทึกการแข่งขัน เมื่อการแข่งขันจบสิ้นลง
5.1.2.2 ขอสิทธิ
ก.เปลี่ยนชุดหรืออุปกรณ์การแข่งขันบางส่วนหรือทั้งหมด ข.ตรวจตำแหน่งผู้เล่นของทีม ค. ตรวจพื้นสนาม ตาข่าย และลูกบอล
5.1.2.3 ขอเวลานอกและเปลี่ยนตัวผู้เล่น
5.1.3 เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันหัวหน้าทีมต้อง
5.1.3.1 แสดงความขอบคุณผู้ตัดสินและลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันการประท้องอย่างเป็นทางการต่อผู้ตัดสินเกี่ยวกับการนำกติกาใช้หรือตีความกติกาลงในใบบันทึกการแข่งขัน
5.2 ผู้ฝึกสอน (COACH)
5.2.1 ตลอดการแข่งขันผู้ฝึกสอนเป็นผู้ควบคุมการเล่นของทีมภายในสนามแข่งขัน เป็นผู้เลือกผู้เล่น 6 คนแรกเปลี่ยนตัวผู้เล่นและขอเวลานอกผู้ฝึกสอนทำหน้าที่ดังกล่าวได้โดยขอผ่านทางผู้ตัดสินที่ 2
5.2.2 ก่อนการแข่งขันผู้ฝึกสอนต้องบันทึกหรือตรวจสอบรายชื่อและหมายเลขของผู้เล่นในใบบันทึกการแข่งขัน
5.2.3 ระหว่างการแข่งขัน ผู้ฝึกสอนต้อง
5.2.3.1 ยืนใบส่งตำแหน่งของผู้เล่นที่ลงชื่อแล้วให้ผู้ตัดสินหรือผู้บันทึกก่อนการแข่งขันทุกเซต
5.2.3.2 นั่งม้านั่งของทีมซึ่งใกล้กับผู้บันทึกมากที่สุดแต่อาจลูกจากม้านั่งได้เป็นครั้งคราว
5.2.3.3 ขอเวลานอกและเปลี่ยนตัวผู้เล่น
5.2.3.4 ผู้ฝึกสอนรวมทั้งผู้ร่วมทีมอื่น ๆอาจให้คำแนะนำผู้เล่นในสนามได้โดยผู้ฝึกสอนอาจให้คำแนะนำผู้เล่นใน
สนามได้โดยผู้ฝึกสอนอาจให้คำแนะนำขณะที่ยืนหรือเดินภายในเขตเล่นลูก(FREE ZONE) ด้านหน้าของม้านั่ง
ผู้เล่นสำรองตั้งแต่แนวที่ยื่นออกมาของเส้นรุกจนถึงพื้นที่อบอุ่นร่างกายแต่ต้องไม่รบกวนหรือถ่วงเวลาการแข่งขัน
5.3 ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน (ASSISTANT COACH)
5.3.1 ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนนั่งบนม้านั่งของทีม แต่ไม่มีสิทธิใด ๆที่จะหยุดการแข่งขัน
5.3.2 ถ้าผู้ฝึกสอนไม่อยู่ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนอาจทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนแทนได้โดยการขออนุญาตของหัวหน้าทีมในขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN) และได้รับการยินยอมจากผู้ตัดสินที่ 1
กติกาการเล่นข้อที่ 6 การได้คะแนน การชนะในแต่ละเชต และการชนะแต่ละนัด
6.1 การได้คะแนน (TO SCORE A POINT)
6.1.1 คะแนน ทีมได้คะแนนเมื่อ
6.1.1.1 ทำให้ลูกบอลตกลงบนพื้นสนามในแดนของทีมตรงข้าม
6.1.1.2 ทีมตรงข้ามทำผิดกติกา
6.1.1.3 ทีมตรงข้ามถูกลงโทษ
6.1.2 การทำผิดกติกาทีมทำผิดกติกาเมื่อลักษณะของการเล่นตรงข้ามกับกติกาการแข่งขัน
(หรือขัดแย้งกับกติกาโดยวิธีอื่นใด)ผู้ตัดสินจะตัดสินการการกระทำผิดและตัดสินใจดำเนินการตามกติกา ดังนี้
6.1.2.1 ถ้ามีการเล่นผิดกติกาสองอย่างหรือมากกว่าเกิดขึ้นต่อเนื่องกันจะลงโทษเฉพาะการผิดกติกาที่เกิดขึ้นก่อนเท่านั้น
6.1.2.2 ถ้าทั้งสองทีมเล่นผิดกติกาสองอย่างหรือมากกว่าพร้อม ๆ กันทั้งสองทีมจะถือว่าเป็นการกระทำผิดทั้งคู่ และจะเล่นลูกนั้นใหม่
6.1.3 ผลที่ตามมาเมื่อชนะการเล่นลูกการเล่นลูกเป็นลักษณะการเล่นที่เริ่มต้นตั้งแต่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟจนกระทั้งลูกตาย 6.1.3.1 ถ้าทีมที่เป้นฝ่ายเสิร์ฟชนะการเล่นลูกจะได้คะแนนและได้เสิร์ฟต่อ
6.1.3.2 ถ้าทีมที่เป้นฝ่ายรับลูกเสิร์ฟชนะการเล่นลูกจะได้คะแนนและได้เสิร์ฟในครั้งต่อไป
6.2 การชนะในแต่ละเซต (TO WIN A SET)
ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อน (ยกเว้นเซตตัดสิน) และมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุก 2 คะแนนจะเป็นทีมชนะการแข่งขันเซตนั้น ถ้าทำได้ 24 คะแนนเท่ากันจะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน
6.3 การชนะการแข่งขันแต่ละนัด (TO WIN THE MATCH)
6.3.1 ทีมที่ทำได้ 3 เซต เป็นทีมที่ชนะการแข่งขันนัดนั้น
6.3.2 ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2 : 2 การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5) จะแข่งขันกัน15 คะแนน และต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อย 2 คะแนน
6.4 ทีมที่ผิดระเบียบการแข่งขันและไม่พร้อมจะแข่งขัน (DEFAULT AND INCOMPLETE TEAM)
6.4.1 ถ้าทีมปฏิเสธที่จะแข่งขันหลังจากได้รับแจ้งให้แข่งขันต่อ ทีมนั้นจะถูกแจ้งว่าทำผิดระเบียบการแข่งขันและปรับเป็นแพ้ในการแข่งขันนัดนั้น ด้วยผลการแข่งขัน 0 – 3เซต คะแนน 0 – 25 ในแต่ละเซต
6.4.2 ทีมที่ไม่ปรากฏตัว ณสนามแข่งขันตามเวลาที่กำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรถือว่าผิดระเบียบการแข่งขันและมีผลการแข่งขันเช่นเดียวกับกติกาข้อ 6.4.1
6.4.3 ทีมที่ถูกแจ้งว่าไม่พร้อมในการแข่งขันนัดใดนัดหนึ่งหรือการแข่งขันเซตใดเซตหนึ่งจะแพ้ในเซตนั้นหรือการแข่งขันนัดนั้นทีมตรงข้ามจะได้คะแนนและเซตเพื่อเป็นทีมชนะในเซตหรือการแข่งขันนัดนั้นส่วนทีมที่ไม่พร้อมจะแข่งขันจะยังคงได้คะแนนและเชตที่ทำไว้
กติกาการเล่นข้อที่ 7 โครงสร้างของการแข่งขัน (STRUCTURE OF PLAY)
7.1 การเสี่ยง (TOSS)
ก่อนการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 จะทำการเสี่ยงเพื่อตัดสินว่าทีมใดจะทำการเสิร์ฟก่อนหรืออยู่แดนใด ในเซตที่ 1ถ้าต้องการแข่งขันเซตตัดสินจะต้องทำการเสี่ยงใหม่อีกครั้งหนึ่ง
7.1.1 การเสี่ยงต้องทำโดยมีหัวหน้าทีมทั้งสองทีมร่วมอยู่ด้วย
7.1.2 ผู้ชนะการเสี่ยงจะสิทธิเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
7.1.2.1 เลือกเสิร์ฟหรือรับลูกเสิร์ฟ
7.1.2.2 เลือกแดนใดแดนหนึ่งของสนามก็ได้ผู้แพ้การเสี่ยงจะได้รับส่วนที่เหลือ
7.1.3 ในกรณีที่ทำการอบอุ่นร่างกายมาพร้อมกันทีมที่ทำกาเสิร์ฟก่อนจะทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายก่อน
7.2 การอบอุ่นร่างกาย (WARM-UP SESSION)
7.2.1 ก่อนการแข่งขันถ้าทีมมีสนามอบอุ่นร่างกายที่จัดไว้ให้แล้วแต่ละทีมจะทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายได้ทีมละ 5 นาที
7.2.2 ถ้าหัวหน้าทีมทั้งสองตกลงทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายพร้อมกันจะอบอุ่นร่างกายได้ 6 นาที หรือ 10 นาที
7.3 ตำแหน่งการเริ่มต้นของทีม (TEAM STARTING LINE-UP)
7.3.1 ทีมต้อมีผู้เล่น 6 คนเสมอ ในการแข่งขันตำแหน่งเริ่มต้นของทีมแสดงถึงลำดับการหมุนตำแหน่งของผู้เล่นในสนามลำดับนี้ตะคงอยู่ตลอดเวลานั้น
7.3.2 ก่อนการเริ่มแข่งขันแต่ละเซตผู้ฝึกสอนต้องแจ้งตำแหน่งเริ่มต้นเล่นทีมของตนเองในใบส่งตำแหน่งซึ่งเขียนหมายเลขของผู้เล่นและลงชื่อกำกับแล้ว ส่งให้ผู้ตัดสินที่ 2 หรือผู้บันทึกการแข่งขัน
7.3.3 ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเริ่มต้นเล่นของทีมจะเป็นผู้เล่นสำรองในเซตนั้น
7.3.4 เมื่อใบส่งตำแหน่งเริ่มต้นเล่นถูกนำส่งให้ผู้ตัดสินที่ 2 หรือผู้บันทึกการแข่งขันแล้วจะไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงใบส่งตำแหน่งอีกนอกจากต้องการทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นตามปกติ
7.3.5 ถ้าพบว่ามีการผิดพลาดระหว่างใบส่งตำแหน่งกับตำแหน่งของผู้เล่นในสนาม
7.3.5.1 ถ้าพบว่ามีการผิดพลาดก่อนเริ่มการแข่งขันของเซตผู้เล่นต้องเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นไปตามใบส่งตำแหน่งโดยไม่มีการลงโทษ
7.3.5.2 อย่างไรก็ตามถ้าผู้ฝึกสอนต้องการให้ผู้เล่นเปลี่ยนที่ไม่ได้ระบุไว้ในใบส่งตำแหน่งยังคงอยู่ในสนามผู้ฝึกสอนต้องของเปลี่ยนตัวตามปกติและต้องบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขัน
7.4 ตำแหน่ง (POSITIONS)
ขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟลูกบอลแต่ละทีมต้องอยู่ในแดนของตนเองตามลำดับการหมุมตำแหน่ง
7.4.1 ตำแหน่งของผู้เล่นจำแนกได้ดังนี้
7.4.1.1 ผู้เล่นแถวหน้า 3 คนที่อยู่ใกล้ตาข่ายเป็นผู้เล่นแถวหน้าอยู่ในตำแหน่งที่4 ตำแหน่งที่ 3 และตำแหน่งที่ 2
7.4.1.2 ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้เล่นแถวหลังอยู่ในตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งที่ 6ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งของผู้เล่นจะถือตำแหน่งของเท้าที่แตะพื้นเป็นเครื่องหมายกำหนด
7.4.2 ความเกี่ยวข้องของตำแหน่งระหว่างผู้เล่น
7.4.2.1 ผู้เล่นแถวหลังแต่ละคนต้องมีตำแหน่งอยู่ด้านหลังทั้งคู่ของตนเองที่เป็นผู้เล่นแถวหน้า
7.4.2.2 ผู้เล่นแถวหน้าและแถวหลังแต่ละคู่ต้องอยู่ในตำแหน่งข้างเดียวกันตามลำดับการหมุนตำแหน่งที่ระบุไว้ในกติกาข้อ 7.4.1
7.4.3 ตำแหน่งของผู้เล่นจะพิจารณาและควบคุมจากตำแหน่งของเท้าที่สัมผัสพื้นดังนี้
7.4.3.1 ผู้เล่นแถวหน้าแต่ละคนต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของรองเท้าอยู่ใกล้เส้นแบ่งแดนมากกว่าเท้าของผู้เล่นแดนตน
7.4.3.2 ผู้เล่นที่อยู่ทางขวา (หรือทางซ้าย) ต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าใกล้กับเส้นทางขวา (หรือซ้าย) มากกว่าผู้เล่นที่อยู่ตำแหน่งกลางของแถวเดียวกัน
7.4.4 เมื่อทำการเสิร์ฟลูกบอลออกไปแล้วผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปอยู่ตำแหน่งใดก็ได้ในแดนและเขตรอบสนามตน
7.5 การผิดตำแหน่ง (POSITIONAL FAULT)
7.5.1 ทีมจะผิดตำแหน่ง ถ้าผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไม่อยู่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟลูกบอล
7.5.2 ถ้าผู้เสิร์ฟเสิร์ฟผิดกติกาขณะที่ทำการเสิร์ฟจะถือว่าการเสิร์ฟผิดปกติเกิดขึ้นก่อนการผิดตำแหน่งของทีมตรงข้าม
7.5.3 ถ้าการเสิร์ฟผิดกติกาหลังจากทำการเสิร์ฟออกไปแล้วจะถือว่าการผิดตำแหน่งเกิดขึ้นก่อน
7.5.4 การทำผิดตำแหน่งจะมีผลตามมาดังนี้
7.5.4.1 เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น
7.5.4.2 เปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นให้ถูกต้อง
7.6 การหมุนตำแหน่ง (ROTATION)
7.6.1 ลำดับการหมุนตำแหน่งจะเป็นไปตามใบส่งตำแหน่งเริ่มต้นของทีมและควบคุมด้วยลำดับการเสิร์ฟและ
ตำแหน่งของผู้เล่นตลอดทั้งเซต
7.6.2 เมื่อทีมที่รับลูกเสิร์ฟได้สิทธ์ในการทำเสิร์ฟผู้เล่นต้องหมุนต้องหมุนไปตามเข็มนาฬิกาไป 1 ตำแหน่ง
7.4.2.1 ผู้เล่นแถวหลังแต่ละคนต้องมีตำแหน่งอยู่ด้านหลังทั้งคู่ของตนเองที่เป็นผู้เล่นแถวหน้า
7.4.2.2 ผู้เล่นแถวหน้าและแถวหลังแต่ละคู่ต้องอยู่ในตำแหน่งข้างเดียวกันตามลำดับการหมุนตำแหน่งที่ระบุไว้ในกติกาข้อ 7.4.1
7.4.3 ตำแหน่งของผู้เล่นจะพิจารณาและควบคุมจากตำแหน่งของเท้าที่สัมผัสพื้นดังนี้
7.4.3.1 ผู้เล่นแถวหน้าแต่ละคนต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของรองเท้าอยู่ใกล้เส้นแบ่งแดนมากกว่าเท้าของผู้เล่นแดนตน
7.4.3.2 ผู้เล่นที่อยู่ทางขวา (หรือทางซ้าย) ต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าใกล้กับเส้นทางขวา (หรือซ้าย) มากกว่าผู้เล่นที่อยู่ตำแหน่งกลางของแถวเดียวกัน
7.4.4 เมื่อทำการเสิร์ฟลูกบอลออกไปแล้วผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปอยู่ตำแหน่งใดก็ได้ในแดนและเขตรอบสนามตน
7.5 การผิดตำแหน่ง (POSITIONAL FAULT)
7.5.1 ทีมจะผิดตำแหน่ง ถ้าผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไม่อยู่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟลูกบอล
7.5.2 ถ้าผู้เสิร์ฟเสิร์ฟผิดกติกาขณะที่ทำการเสิร์ฟจะถือว่าการเสิร์ฟผิดปกติเกิดขึ้นก่อนการผิดตำแหน่งของทีมตรงข้าม
7.5.3 ถ้าการเสิร์ฟผิดกติกาหลังจากทำการเสิร์ฟออกไปแล้วจะถือว่าการผิดตำแหน่งเกิดขึ้นก่อน
7.5.4 การทำผิดตำแหน่งจะมีผลตามมาดังนี้
7.5.4.1 เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น
7.5.4.2 เปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นให้ถูกต้อง
7.6 การหมุนตำแหน่ง (ROTATION)
7.6.1 ลำดับการหมุนตำแหน่งจะเป็นไปตามใบส่งตำแหน่งเริ่มต้นของทีมและควบคุมด้วยลำดับการเสิร์ฟและ
ตำแหน่งของผู้เล่นตลอดทั้งเซต
7.6.2 เมื่อทีมที่รับลูกเสิร์ฟได้สิทธ์ในการทำเสิร์ฟผู้เล่นต้องหมุนต้องหมุนไปตามเข็มนาฬิกาไป 1 ตำแหน่ง
7.7 การหมุนตำแหน่งผิด (ROTATIONAL FAULT)
7.7.1 การหมุนตำแหน่งผิดเกิดขึ้นเมื่อการเสิร์ฟไม่เป็นไปตามตำแหน่งการหมุนตำแหน่ง และมีผลตามมาดังนี้
7.7.1.1 เป็นฝ่ายแพ้ในเล่นลูกครั้งนั้น
7.7.1.2 ต้องเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นให้ถูกต้อง
7.7.2 นอกจากนั้นผู้บันทึกต้องตัดสินใจหยุดการแข่งขันทันทีที่มีการผิดตำแหน่งและยกเลิกคะแนนที่ได้ทำทั้งหมด
ขณะที่ผิดตำแหน่งส่วนคะแนนของที่ทำได้ทั้งหมดขณะผิดตำแหน่งส่วนคะแนนของทีมตรงข้ามให้คงไว้คงเดิม
ถ้าคะแนนขณะผิดตำแหน่งไม่สามารถตรวจพบได้ให้ลงทาเพียงเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้นเท่านั้น
7.7.1 การหมุนตำแหน่งผิดเกิดขึ้นเมื่อการเสิร์ฟไม่เป็นไปตามตำแหน่งการหมุนตำแหน่ง และมีผลตามมาดังนี้
7.7.1.1 เป็นฝ่ายแพ้ในเล่นลูกครั้งนั้น
7.7.1.2 ต้องเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นให้ถูกต้อง
7.7.2 นอกจากนั้นผู้บันทึกต้องตัดสินใจหยุดการแข่งขันทันทีที่มีการผิดตำแหน่งและยกเลิกคะแนนที่ได้ทำทั้งหมด
ขณะที่ผิดตำแหน่งส่วนคะแนนของที่ทำได้ทั้งหมดขณะผิดตำแหน่งส่วนคะแนนของทีมตรงข้ามให้คงไว้คงเดิม
ถ้าคะแนนขณะผิดตำแหน่งไม่สามารถตรวจพบได้ให้ลงทาเพียงเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้นเท่านั้น
กติกาการเล่นข้อที่ 8 การเปลี่ยนตัว (SUBSTITUTION OF PLAYERS)
การเปลี่ยนตัว คือการที่ผู้เล่นคนหนึ่งออกจากสนาม และผู้เล่นอีกคนหนึ่งข้าไปแทนในตำแหน่งนั้นหลังจากผู้บันทึกได้บันทึกการเปลี่ยนตัว (ยกเว้นตัวบันทึกอิสระ)การเปลี่ยนตัวต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน
8.1 ข้อจำกัดขอกการเปลี่ยนตัว (LIMIYION OF SUBSTITUTION)
8.1.1 ทีมหนี่งจะเปลี่ยนตัวได้มากที่สุด 6 คนต่อเซตการเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งจะเปลี่ยนเพียง 1 คน หรือมากกว่าก็ได้
8.1.2 ผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้นจะเปลี่ยนตัวออกได้หนึ่งครั้งและกลับมาเข้าไปเล่นได้อีกหนึ่งครั้งในตำแหน่งเดิม ตามใบส่งตำแหน่ง
8.1.3 ผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนเข้าแทนผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้ที่จะเปลี่ยนตัวเข้ามาแทนผู้เล่นสำรองต้องเป็นผู้เล่นคนเดิมเท่านั้น
8.2 การเปลี่ยนตัวที่ได้รับการยกเว้น (EXCEPTIONAL SUBSTITUTION)
ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บ (ยกเว้นผู้รับอิสระ)จนแข่งขันต่อไปไม่ได้ จะเปลี่ยนตัวตามกติกา ถ้าเปลี่ยนตัวตามกติกาไม่ได้ทีมนั้นจะได้รับการยกเว้นให้เปลี่ยนได้ นอกเหนือจากกติกาที่กำหนดไว้ในการเปลี่ยนตัวที่ได้รับยกเว้นจะไม่นับรวม กับการเปลี่ยนตัวตามปกติไม่ว่ากรณีใด
8.3 การเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ถูกทำโทษออกจากการแข่งขันหรือขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขันหรือ
ขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขัน (SUBSTITUTION FOR EXPULSION OR DISQUALIFICATION)
ผู้เล่นที่ถูกทำโทษให้ออกจากการแข่งขันหรือขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขันต้องทำการเปลี่ยนตัวตามกติกา ถ้าทำการเปลี่ยนตัวตามกติกาไม่ได้จะถือว่าทีมนั้นเป็นทีมที่ไม่พร้อมจะแข่งขัน
8.4 การเปลี่ยนตัวที่ผิดกติกา (ILLEGAL SUBSTITUTION)
8.4.1 การเปลี่ยนตัวจะผิดกติกา ถ้านอกเหนือจากข้อจำกัดที่กำหนดไว้ในกติกาข้อ 8.1
8.4.2 เมื่อทีมทำการเปลี่ยนตัวผิดกติกาและการแข่งขันได้เล่นต่อไปแล้วจะต้องดำเนินการดังนี้ (กติกาข้อ 9.1)
8.4.2.1 ทีมถูกลงโทษให้เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น
8.4.2.2 แก้ไขการเปลี่ยนตัวให้ถูกต้อง
8.4.2.3 คะแนนที่ทำได้ตั้งแต่ทำผิดกติกาของทีมนั้นจะถูกตัดออกส่วนคะแนนของทีมตรงข้ามยังคงไว้ตามเดิม
8.1 ข้อจำกัดขอกการเปลี่ยนตัว (LIMIYION OF SUBSTITUTION)
8.1.1 ทีมหนี่งจะเปลี่ยนตัวได้มากที่สุด 6 คนต่อเซตการเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งจะเปลี่ยนเพียง 1 คน หรือมากกว่าก็ได้
8.1.2 ผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้นจะเปลี่ยนตัวออกได้หนึ่งครั้งและกลับมาเข้าไปเล่นได้อีกหนึ่งครั้งในตำแหน่งเดิม ตามใบส่งตำแหน่ง
8.1.3 ผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนเข้าแทนผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้ที่จะเปลี่ยนตัวเข้ามาแทนผู้เล่นสำรองต้องเป็นผู้เล่นคนเดิมเท่านั้น
8.2 การเปลี่ยนตัวที่ได้รับการยกเว้น (EXCEPTIONAL SUBSTITUTION)
ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บ (ยกเว้นผู้รับอิสระ)จนแข่งขันต่อไปไม่ได้ จะเปลี่ยนตัวตามกติกา ถ้าเปลี่ยนตัวตามกติกาไม่ได้ทีมนั้นจะได้รับการยกเว้นให้เปลี่ยนได้ นอกเหนือจากกติกาที่กำหนดไว้ในการเปลี่ยนตัวที่ได้รับยกเว้นจะไม่นับรวม กับการเปลี่ยนตัวตามปกติไม่ว่ากรณีใด
8.3 การเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ถูกทำโทษออกจากการแข่งขันหรือขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขันหรือ
ขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขัน (SUBSTITUTION FOR EXPULSION OR DISQUALIFICATION)
ผู้เล่นที่ถูกทำโทษให้ออกจากการแข่งขันหรือขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขันต้องทำการเปลี่ยนตัวตามกติกา ถ้าทำการเปลี่ยนตัวตามกติกาไม่ได้จะถือว่าทีมนั้นเป็นทีมที่ไม่พร้อมจะแข่งขัน
8.4 การเปลี่ยนตัวที่ผิดกติกา (ILLEGAL SUBSTITUTION)
8.4.1 การเปลี่ยนตัวจะผิดกติกา ถ้านอกเหนือจากข้อจำกัดที่กำหนดไว้ในกติกาข้อ 8.1
8.4.2 เมื่อทีมทำการเปลี่ยนตัวผิดกติกาและการแข่งขันได้เล่นต่อไปแล้วจะต้องดำเนินการดังนี้ (กติกาข้อ 9.1)
8.4.2.1 ทีมถูกลงโทษให้เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น
8.4.2.2 แก้ไขการเปลี่ยนตัวให้ถูกต้อง
8.4.2.3 คะแนนที่ทำได้ตั้งแต่ทำผิดกติกาของทีมนั้นจะถูกตัดออกส่วนคะแนนของทีมตรงข้ามยังคงไว้ตามเดิม
กติกาการเล่นข้อที่ 9 รูปแบบต่าง ๆ ของการเล่น (STATES OF PLAY)
9.1 ลูกบอลที่อยู่ในการเล่น (BALL IN PLAY)
ลูกบอลจะอยู่ในการเล่นตั้งแต่ขณะที่ทำการเสิร์ฟ โดยผู้ตัดสินที่ 1 เป็นผู้อนุญาต (กติกาข้อ 13.3)
9.2 ลูกบอลที่ไม่ได้อยู่ในการเล่น หรือลูกตาย (BALL OUT OF PLAY)
ลูกบอลที่ไม่ได้อยู่ในการเล่นตั้งแต่ขณะที่มีการทำผิดกติกาซึ่งผู้ตัดสินคนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้ให้สัญญาณนกหวีดการทำผิดกติกาสิ้นสุดลงพร้อมๆกับสัญญาณนกหวีด
9.3 ลูกบอลอยู่ในสนาม (BALL IN)
ลูกบอลอยู่ในสนามเมื่อลูกบอลถูกพื้นสนามแข่งขันรวมทั้งเส้นเขตสนาม (กติกาข้อ 1.1, 1.3.2)
9.4 ลูกบอลออกนอกสนาม (BALL OUT)
ลูกบอลออกนอกสนามเมื่อ
9.4.1 บางส่วนของลูกบอลตกลงบนพื้นนอกเส้นเขตสนามอย่างสมบูรณ์
9.4.2 ลูกบอลถูกสิ่งของที่อยู่ภายนอกสนาม เพดานหรือผู้ที่ไม่ได้แข่งขันด้วย
9.4.3 ลูกบอลถูกเสาอากาศ เชือก เสาหรือตาข่ายที่อยู่นอกแถบข้าง (กติกาข้อ2.3)
9.4.4 ลูกบอลข้ามตาข่ายนอกเขตแนวตั้งที่กำหนดให้ลูกบอลผ่านอย่างสมบูรณ์หรือเพียงบางส่วน
(ยกเว้นกรณีกติกาข้อ 11.1.2, 11.1.1)
9.4.5 ลูกบอลลอดใต้ตาข่ายไปยังแดนของทีมตรงข้ามอย่างสมบูรณ์
ลูกบอลจะอยู่ในการเล่นตั้งแต่ขณะที่ทำการเสิร์ฟ โดยผู้ตัดสินที่ 1 เป็นผู้อนุญาต (กติกาข้อ 13.3)
9.2 ลูกบอลที่ไม่ได้อยู่ในการเล่น หรือลูกตาย (BALL OUT OF PLAY)
ลูกบอลที่ไม่ได้อยู่ในการเล่นตั้งแต่ขณะที่มีการทำผิดกติกาซึ่งผู้ตัดสินคนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้ให้สัญญาณนกหวีดการทำผิดกติกาสิ้นสุดลงพร้อมๆกับสัญญาณนกหวีด
9.3 ลูกบอลอยู่ในสนาม (BALL IN)
ลูกบอลอยู่ในสนามเมื่อลูกบอลถูกพื้นสนามแข่งขันรวมทั้งเส้นเขตสนาม (กติกาข้อ 1.1, 1.3.2)
9.4 ลูกบอลออกนอกสนาม (BALL OUT)
ลูกบอลออกนอกสนามเมื่อ
9.4.1 บางส่วนของลูกบอลตกลงบนพื้นนอกเส้นเขตสนามอย่างสมบูรณ์
9.4.2 ลูกบอลถูกสิ่งของที่อยู่ภายนอกสนาม เพดานหรือผู้ที่ไม่ได้แข่งขันด้วย
9.4.3 ลูกบอลถูกเสาอากาศ เชือก เสาหรือตาข่ายที่อยู่นอกแถบข้าง (กติกาข้อ2.3)
9.4.4 ลูกบอลข้ามตาข่ายนอกเขตแนวตั้งที่กำหนดให้ลูกบอลผ่านอย่างสมบูรณ์หรือเพียงบางส่วน
(ยกเว้นกรณีกติกาข้อ 11.1.2, 11.1.1)
9.4.5 ลูกบอลลอดใต้ตาข่ายไปยังแดนของทีมตรงข้ามอย่างสมบูรณ์
กติกาการเล่นข้อที่ 10 การเล่นลูกบอล (PLAYING THE BALL)
แต่ละทีมต้องเล่นลูกบอลภายในพื้นที่เล่นลูกและที่ว่างของทีมตนเอง (ยกเว้นกติกาข้อ 11.1.2) อย่างไรก็ตามผู้เล่นสามารถนำบอลที่ออกไปนอกเขตรอบสนามกลับมาเล่นต่อได้
10.1 การถูกลูกบอลของทีม (TEAM HITS)
ทีมถูกลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง (นอกจากทำการสกัดกั้นตามกติกาข้อ 15.4.1)เพื่อส่งลูกบอลกลับไปยังทีมตรงข้าม ถ้าถูกลูกบอลมากกว่านี้ถือว่าทีมทำผิดกติกา “ถูกลูก 4 ครั้ง” การถูกลูกบอลของทีมนับรวมทั้งที่ผู้เล่นตั้งใจถูกหรือไม่ตั้งใจถูกก็ตาม
10.1.1 การถูกลูกบอลอย่างต่อเนื่อง (CONSECUTIVE CONTACTS) ผู้เล่นจะถูกลูกบอล 2 ครั้งติดต่อกันไม่ได้ (ยกเว้นกติกาข้อ 10.2.3, 15.2, 15.4.2)
10.1.2 การถูกลูกบอลพร้อมกัน (SIMULTENEOUS CONTACTS) ผู้เล่น 2 คนหรือ 3 คนอาจถูกลูกบอลพร้อมๆกันได้ในเวลาเดียวกัน
10.1.2.1 เมื่อผู้เล่นทีมเดียวกัน 2 คน (3 คน) ถูกบอลพร้อมๆกัน จะถือว่าเป็นการถูกบอล 2 ครั้ง (3 ครั้ง)ยกเว้นเมื่อทำการสกัดกั้น ถ้าผู้เล่นหลายคนถึงลูกบอลพร้อมกันแต่มีผู้เล่นถูกลูกบอลเพียงคนเดียว จะถือว่าถูกลูกบอล 1 ครั้งถึงแม้ว่าผู้เล่นชนกันก็ไม่ถือว่าผิดกติกา
10.1.2.2 เมื่อทั้งสองทีมถูกลูกบอลพร้อมๆกันเหนือตาข่าย และยังเล่นลูกบอลนั้นต่อไปได้ทีมรับที่รับลูกนั้นสามารถถูกลูกบอลได้อีก 3 ครั้ง ถ้าลูกบอลออกนอกสนามจะถือว่าทีมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับลูกบอลเป็นฝ่ายทำลูกบอลออกนอกสนาม
10.1.2.3 ถ้าการถูกลูกบอลพร้อม ๆ กันทั้งสองทีมเป็นการจับลูก (CATCH) จะถือว่าผิดกติกาทั้งสองทีม และต้องเล่นลูกนั้นใหม่
10.1.3 การเล่นลุกบอลโดยมีกาช่วยเหลือ (ASSISTED HIT) ภายในบริเวณพื้นที่เล่นไม่อนุญาตให้ผู้เล่นอาศัย
เพื่อนร่วมทีมหรือสิ่งใด ๆ ช่วยให้ไปถึงลูกบอลได้อย่างไรก็ตามผู้เล่นที่กำลังจะทำผิดกติกา
(โดยกำลังจะถูกตาข่ายหรือเส้นขั้นเขตแดน)อาจถูกฉุดหรือดึงโดยเพื่อนร่วมทีมได้
10.2 การถูกลูกบอลในลักษณะต่าง ๆ (CHARACTERISTICS OF THE HIT)
10.2.1 ลูกบอลอาจถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้
10.2.2 การถูกลูกบอลต้องเป็นการกระทบไม่ใช่จับหรือโยน ลูกบอลจะสะท้อนกลับในทิศทางใดก็ได้
10.2.3 ลูกบอลอาจถูกหลายส่วนของร่างกายได้ ถ้าการถูกนั้นเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
10.2.3.1 ในการสกกัดกั้น ลูกบอลอาจถูกผู้สกัดกั้นคนเดียวหรือมากกว่าติดต่อกันได้ถ้าการถูกลูกบอลเป็นลักษณะการเล่นลูกบอลเพียงครั้งเดียว
10.2.3.2 การถูกลูกบอลครั้งแรกของทีม ลูกบอลอาจถูกส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อเนื่องกันได้ถ้าการถูกลูกบอลเป็นลักษณะการเล่นลูกครั้งเดียว
10.3 การทำผิดกติกาในการเล่นลูกบอล (FAULT IN PLATING THR BALL)
10.3.1 การถูกลูกบอล 4 ครั้ง ทีมถูกลูกบอล 4 ครั้งก่อนส่งลูกบอลไปยังทีมตรงข้าม
10.3.2 การถูกลูกบอลโดยมีการช่วยเหลือผู้เล่นอาศัยเพื่อนร่วมทีมหรือสิ่งของใด ๆช่วยให้เข้าถึงลูกบอลภายในบริเวณพื้นที่เล่นลูก
10.3.3 การจับลูกบอลผู้เล่นไม่ได้กระทบลูกแต่จับและ / หรือโยนลูกบอล
10.3.4 การถูกลูกบอลติดต่อกัน 2 ครั้ง ผู้เล่นถูกลูกบอล 2 ครั้ง หรือถูกส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการเล่นลูก 1ครั้ง
10.1 การถูกลูกบอลของทีม (TEAM HITS)
ทีมถูกลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง (นอกจากทำการสกัดกั้นตามกติกาข้อ 15.4.1)เพื่อส่งลูกบอลกลับไปยังทีมตรงข้าม ถ้าถูกลูกบอลมากกว่านี้ถือว่าทีมทำผิดกติกา “ถูกลูก 4 ครั้ง” การถูกลูกบอลของทีมนับรวมทั้งที่ผู้เล่นตั้งใจถูกหรือไม่ตั้งใจถูกก็ตาม
10.1.1 การถูกลูกบอลอย่างต่อเนื่อง (CONSECUTIVE CONTACTS) ผู้เล่นจะถูกลูกบอล 2 ครั้งติดต่อกันไม่ได้ (ยกเว้นกติกาข้อ 10.2.3, 15.2, 15.4.2)
10.1.2 การถูกลูกบอลพร้อมกัน (SIMULTENEOUS CONTACTS) ผู้เล่น 2 คนหรือ 3 คนอาจถูกลูกบอลพร้อมๆกันได้ในเวลาเดียวกัน
10.1.2.1 เมื่อผู้เล่นทีมเดียวกัน 2 คน (3 คน) ถูกบอลพร้อมๆกัน จะถือว่าเป็นการถูกบอล 2 ครั้ง (3 ครั้ง)ยกเว้นเมื่อทำการสกัดกั้น ถ้าผู้เล่นหลายคนถึงลูกบอลพร้อมกันแต่มีผู้เล่นถูกลูกบอลเพียงคนเดียว จะถือว่าถูกลูกบอล 1 ครั้งถึงแม้ว่าผู้เล่นชนกันก็ไม่ถือว่าผิดกติกา
10.1.2.2 เมื่อทั้งสองทีมถูกลูกบอลพร้อมๆกันเหนือตาข่าย และยังเล่นลูกบอลนั้นต่อไปได้ทีมรับที่รับลูกนั้นสามารถถูกลูกบอลได้อีก 3 ครั้ง ถ้าลูกบอลออกนอกสนามจะถือว่าทีมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับลูกบอลเป็นฝ่ายทำลูกบอลออกนอกสนาม
10.1.2.3 ถ้าการถูกลูกบอลพร้อม ๆ กันทั้งสองทีมเป็นการจับลูก (CATCH) จะถือว่าผิดกติกาทั้งสองทีม และต้องเล่นลูกนั้นใหม่
10.1.3 การเล่นลุกบอลโดยมีกาช่วยเหลือ (ASSISTED HIT) ภายในบริเวณพื้นที่เล่นไม่อนุญาตให้ผู้เล่นอาศัย
เพื่อนร่วมทีมหรือสิ่งใด ๆ ช่วยให้ไปถึงลูกบอลได้อย่างไรก็ตามผู้เล่นที่กำลังจะทำผิดกติกา
(โดยกำลังจะถูกตาข่ายหรือเส้นขั้นเขตแดน)อาจถูกฉุดหรือดึงโดยเพื่อนร่วมทีมได้
10.2 การถูกลูกบอลในลักษณะต่าง ๆ (CHARACTERISTICS OF THE HIT)
10.2.1 ลูกบอลอาจถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้
10.2.2 การถูกลูกบอลต้องเป็นการกระทบไม่ใช่จับหรือโยน ลูกบอลจะสะท้อนกลับในทิศทางใดก็ได้
10.2.3 ลูกบอลอาจถูกหลายส่วนของร่างกายได้ ถ้าการถูกนั้นเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
10.2.3.1 ในการสกกัดกั้น ลูกบอลอาจถูกผู้สกัดกั้นคนเดียวหรือมากกว่าติดต่อกันได้ถ้าการถูกลูกบอลเป็นลักษณะการเล่นลูกบอลเพียงครั้งเดียว
10.2.3.2 การถูกลูกบอลครั้งแรกของทีม ลูกบอลอาจถูกส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อเนื่องกันได้ถ้าการถูกลูกบอลเป็นลักษณะการเล่นลูกครั้งเดียว
10.3 การทำผิดกติกาในการเล่นลูกบอล (FAULT IN PLATING THR BALL)
10.3.1 การถูกลูกบอล 4 ครั้ง ทีมถูกลูกบอล 4 ครั้งก่อนส่งลูกบอลไปยังทีมตรงข้าม
10.3.2 การถูกลูกบอลโดยมีการช่วยเหลือผู้เล่นอาศัยเพื่อนร่วมทีมหรือสิ่งของใด ๆช่วยให้เข้าถึงลูกบอลภายในบริเวณพื้นที่เล่นลูก
10.3.3 การจับลูกบอลผู้เล่นไม่ได้กระทบลูกแต่จับและ / หรือโยนลูกบอล
10.3.4 การถูกลูกบอลติดต่อกัน 2 ครั้ง ผู้เล่นถูกลูกบอล 2 ครั้ง หรือถูกส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการเล่นลูก 1ครั้ง
กติกาการเล่นข้อที่ 11 ลูกบอลที่บริเวณตาข่าย (BALL AT THE NET)
11.1 การข้ามตาข่ายของลูกบอล (BALL CROSSING THE NET)
11.1.1 ลูกบอลที่ส่งไปยังทีมตรงข้ามต้องข้ามเหนือตาข่ายภายในพื้นที่สำหรับข้ามตาข่าย พื้นที่สำหรับข้ามตาข่ายคือพื้นที่ในแนวตั้งของตาข่ายที่ถูกกำหนดด้วยสิ่งต่อไปนี้
11.1.1.1 ส่วนต่ำสุดโดยขอบบนของตาข่าย
11.1.1.2 ด้านข้างโดยมีเสาอากาศและแนวสมมุติที่สูงขึ้นไป
11.1.1.3 ส่วนบนสุด โดยเพดาน
11.1.2 ลูกบอลที่ข้ามแนวตาข่ายไปยังเขตรอบสนามของทีมตรงข้ามโดยทุกส่วนของลูกบอลหรือเพียงบางส่วน
ของลูกบอลอยู่นอกแนวข้ามตาข่ายลูกบอลอาจกลับมาเล่นต่อได้โดยเล่นลูกไม่เกิน 3 ครั้ง ถ้า
11.1.2.1 ผู้เล่นไม่ถูกแดนของทีมตรงข้าม
11.1.2.2 ลูกบอลที่เล่นกันมาข้ามนอกเขตข้ามตาข่ายลูกบอลทางด้านเดียวกันของสนามทั้งลูกหรือเพียงบางส่วน
ของลูกทีมตรงข้ามจะกีดขวางการเล่นลูกนี้ไม่ได้
11.2 การถูกตาข่ายของลูกบอล (BALL TOUCHING THE NET)
ลูกบอลอาจถูกตาข่ายได้ขณะที่กำลังข้ามตาข่าย
11.3 ลูกบอลที่ชนตาข่าย (BALL IN THE NET)
11.3.1 ลูกบอลที่พุ่งชนตาข่ายยังเล่นต่อไปได้จนครบ 3 ครั้ง ตามกำหนดการเล่นลูก
11.3.2 ถ้าลูกบอลทำให้ลูกบอลทำให้ตาข่ายฉีกขาดหรือทำให้ตาข่ายหลุดให้ยกเลิกการเล่นลูกครั้งนั้นและนำมาเล่นกันใหม่
11.1.1 ลูกบอลที่ส่งไปยังทีมตรงข้ามต้องข้ามเหนือตาข่ายภายในพื้นที่สำหรับข้ามตาข่าย พื้นที่สำหรับข้ามตาข่ายคือพื้นที่ในแนวตั้งของตาข่ายที่ถูกกำหนดด้วยสิ่งต่อไปนี้
11.1.1.1 ส่วนต่ำสุดโดยขอบบนของตาข่าย
11.1.1.2 ด้านข้างโดยมีเสาอากาศและแนวสมมุติที่สูงขึ้นไป
11.1.1.3 ส่วนบนสุด โดยเพดาน
11.1.2 ลูกบอลที่ข้ามแนวตาข่ายไปยังเขตรอบสนามของทีมตรงข้ามโดยทุกส่วนของลูกบอลหรือเพียงบางส่วน
ของลูกบอลอยู่นอกแนวข้ามตาข่ายลูกบอลอาจกลับมาเล่นต่อได้โดยเล่นลูกไม่เกิน 3 ครั้ง ถ้า
11.1.2.1 ผู้เล่นไม่ถูกแดนของทีมตรงข้าม
11.1.2.2 ลูกบอลที่เล่นกันมาข้ามนอกเขตข้ามตาข่ายลูกบอลทางด้านเดียวกันของสนามทั้งลูกหรือเพียงบางส่วน
ของลูกทีมตรงข้ามจะกีดขวางการเล่นลูกนี้ไม่ได้
11.2 การถูกตาข่ายของลูกบอล (BALL TOUCHING THE NET)
ลูกบอลอาจถูกตาข่ายได้ขณะที่กำลังข้ามตาข่าย
11.3 ลูกบอลที่ชนตาข่าย (BALL IN THE NET)
11.3.1 ลูกบอลที่พุ่งชนตาข่ายยังเล่นต่อไปได้จนครบ 3 ครั้ง ตามกำหนดการเล่นลูก
11.3.2 ถ้าลูกบอลทำให้ลูกบอลทำให้ตาข่ายฉีกขาดหรือทำให้ตาข่ายหลุดให้ยกเลิกการเล่นลูกครั้งนั้นและนำมาเล่นกันใหม่
กติกาการเล่นข้อที่ 12 ผู้เล่นบริเวณตาข่าย (PLAYER AT THE NET)
12.1 การล้ำเหนือตาข่าย (REACHING BEYOND THE NET)
12.1.1 ในการสกัดกั้นผู้สกัดกั้นอาจล้ำตาข่ายเข้าไปถูกลูกบอลได้ถ้าไม่กีดขวางการเล่นลูกของทีมตรงกันข้ามคือไม่ถูกลูกก่อนหรือไม่ถูกลูกขณะที่ทีมตรงกันข้ามทำการรุก
12.1.2 ภายหลังการตบลูกบอล มือของผู้เล่นอาจล้ำตาข่ายได้ถ้าขณะถูกลูกเป็นการถูกลูกบอลในแดนของทีมของตนเอง
12.2 การล้ำใต้ตาข่าย (PENETRATION UNDER THE NET)
12.2.1 อนุญาตให้ล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามใต้ตาข่ายได้ถ้าไม่ขัดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม
12.2.2 การล้ำเส้นแบ่งแดนเข้าไปในแดขของทีมตรงข้าม
12.2.2.1 อนุญาตให้เท้าหรือมือข้างเดียว (2 ข้าง) ถูกแดนของทีมตรงข้ามได้ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าหรือมือยังคงแตะ หรืออยู่เหนือเส้นแบ่งแดน
12.2.2.2 ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายจะถูกแดนของทีมตรงข้ามไม่ได้
12.2.3 ผู้เล่นอาจเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามได้หลังจากลูกตายแล้ว
12.2.4 ผู้เล่นอาจล้ำเข้าไปในเขตรอบสนามของทีมตรงกันข้ามได้ถ้าไม่กีดขวางการเล่นของทีมตรงกันข้าม
12.3 การถูกตาข่าย (CONTACT WITH THE NET)
12.3.1 การถูกตาข่ายหรือเสาอากาศไม่ผิดกติกาเว้นแต่เมื่ออยู่ในลักษณะเล่นลูกหรือกีดขวางการเล่นการเล่นลูกบางลักษณะอาจรวมถึงลักษณะที่ผู้เล่นไม่ได้ถูกลูกบอลในขณะนั้นด้วย
12.3.2 เมื่อผู้เล่นได้เล่นลูกบอลไปแล้ว ผู้เล่นอาจถูกเสาเชือก หรือสิ่งใด ๆที่อยู่นอกระยะความยาวของตาข่ายได้ ถ้าไม่กีดขวางการเล่น
12.3.3 ถ้าลูกบอลที่พุ่งชนตาข่ายทำให้ตาข่ายไปถูกผู้เล่นทีมตรงข้ามไม่ถือว่าผิดกติกา
12.4 การผิดกติกาของผู้เล่นที่ตาข่าย (PLAYERS’ FAULTS AT THE NET)
12.4.1 ผู้เล่นถูกลูกบอลหรือถูกผู้เล่นทีมตรงข้ามในแดนของทีมตรงกันข้าม หรือระหว่างที่ทีมตรงกันข้ามทำการรุก
12.4.2 ผู้เล่นล้ำเข้าไปในที่ว่างใต้ตาข่ายของทีมตรงข้ามและกีดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม
12.4.3 ผู้เล่นล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้าม
12.4.4 ผู้เล่นถูกตาข่ายหรือเสาอากาศขณะอยู่ในลักษณะของการเล่นลูก หรือกีดขวางการเล่น
12.1.1 ในการสกัดกั้นผู้สกัดกั้นอาจล้ำตาข่ายเข้าไปถูกลูกบอลได้ถ้าไม่กีดขวางการเล่นลูกของทีมตรงกันข้ามคือไม่ถูกลูกก่อนหรือไม่ถูกลูกขณะที่ทีมตรงกันข้ามทำการรุก
12.1.2 ภายหลังการตบลูกบอล มือของผู้เล่นอาจล้ำตาข่ายได้ถ้าขณะถูกลูกเป็นการถูกลูกบอลในแดนของทีมของตนเอง
12.2 การล้ำใต้ตาข่าย (PENETRATION UNDER THE NET)
12.2.1 อนุญาตให้ล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามใต้ตาข่ายได้ถ้าไม่ขัดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม
12.2.2 การล้ำเส้นแบ่งแดนเข้าไปในแดขของทีมตรงข้าม
12.2.2.1 อนุญาตให้เท้าหรือมือข้างเดียว (2 ข้าง) ถูกแดนของทีมตรงข้ามได้ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าหรือมือยังคงแตะ หรืออยู่เหนือเส้นแบ่งแดน
12.2.2.2 ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายจะถูกแดนของทีมตรงข้ามไม่ได้
12.2.3 ผู้เล่นอาจเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามได้หลังจากลูกตายแล้ว
12.2.4 ผู้เล่นอาจล้ำเข้าไปในเขตรอบสนามของทีมตรงกันข้ามได้ถ้าไม่กีดขวางการเล่นของทีมตรงกันข้าม
12.3 การถูกตาข่าย (CONTACT WITH THE NET)
12.3.1 การถูกตาข่ายหรือเสาอากาศไม่ผิดกติกาเว้นแต่เมื่ออยู่ในลักษณะเล่นลูกหรือกีดขวางการเล่นการเล่นลูกบางลักษณะอาจรวมถึงลักษณะที่ผู้เล่นไม่ได้ถูกลูกบอลในขณะนั้นด้วย
12.3.2 เมื่อผู้เล่นได้เล่นลูกบอลไปแล้ว ผู้เล่นอาจถูกเสาเชือก หรือสิ่งใด ๆที่อยู่นอกระยะความยาวของตาข่ายได้ ถ้าไม่กีดขวางการเล่น
12.3.3 ถ้าลูกบอลที่พุ่งชนตาข่ายทำให้ตาข่ายไปถูกผู้เล่นทีมตรงข้ามไม่ถือว่าผิดกติกา
12.4 การผิดกติกาของผู้เล่นที่ตาข่าย (PLAYERS’ FAULTS AT THE NET)
12.4.1 ผู้เล่นถูกลูกบอลหรือถูกผู้เล่นทีมตรงข้ามในแดนของทีมตรงกันข้าม หรือระหว่างที่ทีมตรงกันข้ามทำการรุก
12.4.2 ผู้เล่นล้ำเข้าไปในที่ว่างใต้ตาข่ายของทีมตรงข้ามและกีดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม
12.4.3 ผู้เล่นล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้าม
12.4.4 ผู้เล่นถูกตาข่ายหรือเสาอากาศขณะอยู่ในลักษณะของการเล่นลูก หรือกีดขวางการเล่น
กติกาการเล่นข้อที่ 13 การเสิร์ฟ (SERVICE)
การเสิร์ฟ เป็นการนำลูกเข้าสู่การเล่นโดยผู้เล่นตำแหน่งหลังขวาที่ยืนอยู่ในเขตเสิร์ฟ
13.1 การเสิร์ฟครั้งแรกในแต่ละเซต (FIRST SERVICE IN A SET)
13.1.1 ทีมใดจะได้เสิร์ฟลูกแรกในเซตที่ 1 และเซตตัดสิน (เซต 5) มีผลมาจากการตัดสินใจของทีมเมื่อทำการเสี่ยง
13.1.2 ในเซตอื่นๆทีมที่ไม่ได้เสิร์ฟลูกแรกในเซตที่ผ่านมาจะเป็นทีมที่ทำการเสิร์ฟลูกแรก
13.2 ลำดับการเสิร์ฟ (SERVICE ORDER)
13.2.1 ลำดับการเสิร์ฟของผู้เล่นต้องเป็นไปตามที่บันทึกไว้ในใบส่งตำแหน่ง
13.2.2 หลังจากากรเสิร์ฟครั้งแรกในแต่ละเซตผู้เล่นที่เสิร์ฟครั้งต่อไปจะเป็นดังนี้
13.2.2.1 เมื่อฝ่ายเสิร์ฟชนะการเล่นลูกนั้น ผู้ที่ทำการเสิร์ฟอยู่แล้ว (หรือผู้เล่นสำรองเปลี่ยนตัวเข้ามาแทน) จะทำการเสิร์ฟต่อไปอีก
13.2.2.2 เมื่อฝ่ายรับลูกเสิร์ฟชนะในการเล่นลูกนั้นจะได้สิทธ์ทำการเสิร์ฟและต้องหมุนตำแหน่งก่อนทำการเสิร์ฟผู้เล่นที่หมุนจากตำแหน่งหน้าขวาไปยังหลังขวาจะเป็นผู้เสิร์ฟ
13.3 การอนุญาตให้เสิร์ฟ (AUTHORIZATION OF THE SERVICE)
ผู้ตัดสินที่ 1 เป็นผู้อนุญาตให้เสิร์ฟหลังจากการตรวจดูว่าทั้งสองทีมพร้อมแข่งขัน และผู้เสิร์ฟถือลูกบอลไว้แล้ว
13.4 การปฏิบัติในการเสิร์ฟ (EXECUTION OF THE SERVICE)
13.4.1 หลังจากผู้เสิร์ฟโยนหรือปล่อยลูกบอลออกจากมือแล้วจะเสิร์ฟด้วยมือหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของแขนเพียงข้างเดียว
13.4.2 อนุญาตให้ทำการโยนลูกบอลเพื่อทำการเสิร์ฟเพียงครั้งเดียวแต่อนุญาตให้เดาะหรือเคลื่อนไหวลูกบอลในมือได้
13.4.3 ขณะทำการเสิร์ฟหรือกระโดดเสิร์ฟ ผู้เสิร์ฟต้องไมถูกพื้นที่เขตสนาม(รวมทั้งเส้นหลังด้วย) หรือพื้นที่นอกเขตเสิร์ฟ
หลังจากทำการเสิร์ฟแล้วผู้เสิร์ฟจึงสามารถเหยียบหรือถูกพื้นนอกเขตเสิร์ฟและพื้นในเขตสนามได้
13.4.4 ผู้เสิร์ฟต้องทำการเสิร์ฟลูกภายใน 8 นาที หลังจาก ผู้ตัดสินที่ 1 เป่านกหวีดให้ทำการเสิร์ฟ
13.4.5 การเสิร์ฟก่อนสัญญาณนกหวีดของผู้ตัดสินต้องยกเลิกและให้ทำการเสิร์ฟใหม่
13.5 การกำบัง (SCREENING)
13.5.1 ผู้เล่นของทีมที่กำลังจะทำการเสิร์ฟคนเดียวหรือหลายคนก็ตามไม่บังทีมตรงข้ามเพื่อมิให้มองเห็นผู้เสิร์ฟเคลื่อนไหวแขนกระโดด หรือเคลื่อนที่ไปข้าง ๆ ขณะที่กำลังทำการเสิร์ฟเพื่อบังทิศทางที่ลูกบอลพุ่งไป จะถือว่าเป็นการกำบัง
13.6 การกระทำผิดระหว่างทำการเสิร์ฟ (FAULTS MADE DURING THE SEERVIC)
13.6.1 การเสิร์ฟที่ผิดกติกาการผิดกติกาต่อไปนี้จะต้องเปลี่ยนเสิร์ฟถึงแม้ว่าทีมตรงข้ามจะผิดตำแหน่ง
13.6.1.1 ทำการเสิร์ฟผิดลำดับการเสิร์ฟ
13.6.1.1 ทำการเสิร์ฟไม่ถูกต้อง
13.6.2 การผิดกติกาหลังจากการเสิร์ฟลูกบอลออกไปอย่างถูกต้องแล้วการเสิร์ฟนั้นอาจผิดกติกาได้
13.62.1 ถ้าลูกบอลถูกผู้เล่นของทีมที่ทำการเสิร์ฟหรือไม่ผ่านพื้นที่ว่างเหนือตาข่ายอย่างสมบูรณ์
13.6.2.2 ลูก “ออก” กติกาข้อ 9.4
13.6.2.3 ลูกบอลผ่านเหนือการกำบัง
13.7 การผิดกติกาหลังจากการเสิร์ฟและการผิดตำแหน่ง
(FAULTS MADE AFTER THE SERVICE AND POSITIONAL FAULT)
13.7.1 ถ้าผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟผิดกติกา (ทำการเสิร์ฟไม่ถูกต้องหรือ ผิดลำดับการเสิร์ฟเป็นต้น)และทีมตรงข้ามผิดตำแหน่งการเสิร์ฟผิดกติกาจะถูกทำโทษ
13.7.1 ถ้าการเสิร์ฟกระทำอย่างถูกต้อง แต่ผิดพลาดในเวลาต่อมา (ลูกออก หรือผ่านการกำบังเป็นต้น) จะถือว่าการผิดตำแหน่งเกิดขึ้นก่อน และจะทำโทษการผิดตำแหน่ง
13.1 การเสิร์ฟครั้งแรกในแต่ละเซต (FIRST SERVICE IN A SET)
13.1.1 ทีมใดจะได้เสิร์ฟลูกแรกในเซตที่ 1 และเซตตัดสิน (เซต 5) มีผลมาจากการตัดสินใจของทีมเมื่อทำการเสี่ยง
13.1.2 ในเซตอื่นๆทีมที่ไม่ได้เสิร์ฟลูกแรกในเซตที่ผ่านมาจะเป็นทีมที่ทำการเสิร์ฟลูกแรก
13.2 ลำดับการเสิร์ฟ (SERVICE ORDER)
13.2.1 ลำดับการเสิร์ฟของผู้เล่นต้องเป็นไปตามที่บันทึกไว้ในใบส่งตำแหน่ง
13.2.2 หลังจากากรเสิร์ฟครั้งแรกในแต่ละเซตผู้เล่นที่เสิร์ฟครั้งต่อไปจะเป็นดังนี้
13.2.2.1 เมื่อฝ่ายเสิร์ฟชนะการเล่นลูกนั้น ผู้ที่ทำการเสิร์ฟอยู่แล้ว (หรือผู้เล่นสำรองเปลี่ยนตัวเข้ามาแทน) จะทำการเสิร์ฟต่อไปอีก
13.2.2.2 เมื่อฝ่ายรับลูกเสิร์ฟชนะในการเล่นลูกนั้นจะได้สิทธ์ทำการเสิร์ฟและต้องหมุนตำแหน่งก่อนทำการเสิร์ฟผู้เล่นที่หมุนจากตำแหน่งหน้าขวาไปยังหลังขวาจะเป็นผู้เสิร์ฟ
13.3 การอนุญาตให้เสิร์ฟ (AUTHORIZATION OF THE SERVICE)
ผู้ตัดสินที่ 1 เป็นผู้อนุญาตให้เสิร์ฟหลังจากการตรวจดูว่าทั้งสองทีมพร้อมแข่งขัน และผู้เสิร์ฟถือลูกบอลไว้แล้ว
13.4 การปฏิบัติในการเสิร์ฟ (EXECUTION OF THE SERVICE)
13.4.1 หลังจากผู้เสิร์ฟโยนหรือปล่อยลูกบอลออกจากมือแล้วจะเสิร์ฟด้วยมือหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของแขนเพียงข้างเดียว
13.4.2 อนุญาตให้ทำการโยนลูกบอลเพื่อทำการเสิร์ฟเพียงครั้งเดียวแต่อนุญาตให้เดาะหรือเคลื่อนไหวลูกบอลในมือได้
13.4.3 ขณะทำการเสิร์ฟหรือกระโดดเสิร์ฟ ผู้เสิร์ฟต้องไมถูกพื้นที่เขตสนาม(รวมทั้งเส้นหลังด้วย) หรือพื้นที่นอกเขตเสิร์ฟ
หลังจากทำการเสิร์ฟแล้วผู้เสิร์ฟจึงสามารถเหยียบหรือถูกพื้นนอกเขตเสิร์ฟและพื้นในเขตสนามได้
13.4.4 ผู้เสิร์ฟต้องทำการเสิร์ฟลูกภายใน 8 นาที หลังจาก ผู้ตัดสินที่ 1 เป่านกหวีดให้ทำการเสิร์ฟ
13.4.5 การเสิร์ฟก่อนสัญญาณนกหวีดของผู้ตัดสินต้องยกเลิกและให้ทำการเสิร์ฟใหม่
13.5 การกำบัง (SCREENING)
13.5.1 ผู้เล่นของทีมที่กำลังจะทำการเสิร์ฟคนเดียวหรือหลายคนก็ตามไม่บังทีมตรงข้ามเพื่อมิให้มองเห็นผู้เสิร์ฟเคลื่อนไหวแขนกระโดด หรือเคลื่อนที่ไปข้าง ๆ ขณะที่กำลังทำการเสิร์ฟเพื่อบังทิศทางที่ลูกบอลพุ่งไป จะถือว่าเป็นการกำบัง
13.6 การกระทำผิดระหว่างทำการเสิร์ฟ (FAULTS MADE DURING THE SEERVIC)
13.6.1 การเสิร์ฟที่ผิดกติกาการผิดกติกาต่อไปนี้จะต้องเปลี่ยนเสิร์ฟถึงแม้ว่าทีมตรงข้ามจะผิดตำแหน่ง
13.6.1.1 ทำการเสิร์ฟผิดลำดับการเสิร์ฟ
13.6.1.1 ทำการเสิร์ฟไม่ถูกต้อง
13.6.2 การผิดกติกาหลังจากการเสิร์ฟลูกบอลออกไปอย่างถูกต้องแล้วการเสิร์ฟนั้นอาจผิดกติกาได้
13.62.1 ถ้าลูกบอลถูกผู้เล่นของทีมที่ทำการเสิร์ฟหรือไม่ผ่านพื้นที่ว่างเหนือตาข่ายอย่างสมบูรณ์
13.6.2.2 ลูก “ออก” กติกาข้อ 9.4
13.6.2.3 ลูกบอลผ่านเหนือการกำบัง
13.7 การผิดกติกาหลังจากการเสิร์ฟและการผิดตำแหน่ง
(FAULTS MADE AFTER THE SERVICE AND POSITIONAL FAULT)
13.7.1 ถ้าผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟผิดกติกา (ทำการเสิร์ฟไม่ถูกต้องหรือ ผิดลำดับการเสิร์ฟเป็นต้น)และทีมตรงข้ามผิดตำแหน่งการเสิร์ฟผิดกติกาจะถูกทำโทษ
13.7.1 ถ้าการเสิร์ฟกระทำอย่างถูกต้อง แต่ผิดพลาดในเวลาต่อมา (ลูกออก หรือผ่านการกำบังเป็นต้น) จะถือว่าการผิดตำแหน่งเกิดขึ้นก่อน และจะทำโทษการผิดตำแหน่ง
กติกาการเล่นข้อที่ 14 การรุก (ATTACK HIT)
14.1 การรุก (ATTACK HIT)
14.1.1 การกระทำใด ๆที่ส่งลูกบอลไปยังทีมตรงข้ามยกเว้นการเสิร์ฟและการสกัดกั้นถือว่าเป็นการรุก
14.1.2 ขณะทำการรุกอนุญาตให้ใช้ปลายนิ้วเล่นลูกได้ถ้าการถูกลูกเป็นไปอย่างชัดเจนและไม่ได้ใช้ฝ่ามือจับหรือโยนลูกบอลออกไป
14.1.2 การรุกจะสมบูรณ์เมื่อลูกได้ข้ามแนวดิ่งของตาข่ายไปแล้วทั้งลูกหรือเมื่อทีมตรงข้ามถูกลูก
14.2 ข้อกำจัดของการรุก (RESTRICTIONS OF THE ATTACK HIT)
14.2.1 ผู้เล่นแถวหน้าสามารถทำการรุกที่ระดับความสูงเท่าใดก็ได้ถ้าการถูกลูกบอลอยู่ภายในแดนของผู้เล่นเอง
14.2.2 ผู้เล่นแถวหลังสามารถทำการรุกที่ระดับความสูงเท่าใดก็ได้ จากหลังเขตรุก
14.2.2.1 ขณะกระโดด เท้าข้างหนึ่ง (ทั้งสองข้าง) ต้องไม่แตะหรือข้ามเส้นรุก
14.2.2.2 หลังจากตบลูกแล้ว จึงจะลงยืนในเขตรุกได้
14.2.3 ผู้เล่นแถวหลังสามารถทำการรุกในเขตรุกได้ถ้าถูกลูกบอลในขณะที่ทุกส่วนของลูกบอลไม่อยู่เหนือกว่าขอบบนสุดของตาข่าย
14.2.4 ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นทุกคนตบลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมา เมื่อลูกบอลอยู่ในเขตรุกและลูกบอลอยู่ในเขตรุก และลูกบอลทั้งลูกอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่าย
14.3 การรุกที่ผิดกติกา (FAULTS OF THE ATTACK HIT)
14.3.1 ถ้าลูกบอลในแดนขิงทีมตรงข้าม
14.3.2 ตบลูกออกนอกเขตสนาม
14.3.3 ผู้เล่นแถวหลังทำการรุกในเขตรุกขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายทั้งลูก
14.3.4 ตบลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมาขณะที่ลูกบอลอยู่ในเขตรุกและอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายทั้งลูก
14.3.5 ตัวรับอิสระทำการรุก โดยขณะถูกลูกบอลลูกบอลทั้งลูกอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่าย
14.3.6 ผู้เล่นทำการรุกขณะลูกบอลอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายโดยตัวรับอิสระที่อยู่ในแดนหน้าเป็นผู้ใช้นิ้วส่งลูกบอลมาให้ด้วยการเล่นลูกบนมือบน
14.1.1 การกระทำใด ๆที่ส่งลูกบอลไปยังทีมตรงข้ามยกเว้นการเสิร์ฟและการสกัดกั้นถือว่าเป็นการรุก
14.1.2 ขณะทำการรุกอนุญาตให้ใช้ปลายนิ้วเล่นลูกได้ถ้าการถูกลูกเป็นไปอย่างชัดเจนและไม่ได้ใช้ฝ่ามือจับหรือโยนลูกบอลออกไป
14.1.2 การรุกจะสมบูรณ์เมื่อลูกได้ข้ามแนวดิ่งของตาข่ายไปแล้วทั้งลูกหรือเมื่อทีมตรงข้ามถูกลูก
14.2 ข้อกำจัดของการรุก (RESTRICTIONS OF THE ATTACK HIT)
14.2.1 ผู้เล่นแถวหน้าสามารถทำการรุกที่ระดับความสูงเท่าใดก็ได้ถ้าการถูกลูกบอลอยู่ภายในแดนของผู้เล่นเอง
14.2.2 ผู้เล่นแถวหลังสามารถทำการรุกที่ระดับความสูงเท่าใดก็ได้ จากหลังเขตรุก
14.2.2.1 ขณะกระโดด เท้าข้างหนึ่ง (ทั้งสองข้าง) ต้องไม่แตะหรือข้ามเส้นรุก
14.2.2.2 หลังจากตบลูกแล้ว จึงจะลงยืนในเขตรุกได้
14.2.3 ผู้เล่นแถวหลังสามารถทำการรุกในเขตรุกได้ถ้าถูกลูกบอลในขณะที่ทุกส่วนของลูกบอลไม่อยู่เหนือกว่าขอบบนสุดของตาข่าย
14.2.4 ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นทุกคนตบลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมา เมื่อลูกบอลอยู่ในเขตรุกและลูกบอลอยู่ในเขตรุก และลูกบอลทั้งลูกอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่าย
14.3 การรุกที่ผิดกติกา (FAULTS OF THE ATTACK HIT)
14.3.1 ถ้าลูกบอลในแดนขิงทีมตรงข้าม
14.3.2 ตบลูกออกนอกเขตสนาม
14.3.3 ผู้เล่นแถวหลังทำการรุกในเขตรุกขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายทั้งลูก
14.3.4 ตบลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมาขณะที่ลูกบอลอยู่ในเขตรุกและอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายทั้งลูก
14.3.5 ตัวรับอิสระทำการรุก โดยขณะถูกลูกบอลลูกบอลทั้งลูกอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่าย
14.3.6 ผู้เล่นทำการรุกขณะลูกบอลอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายโดยตัวรับอิสระที่อยู่ในแดนหน้าเป็นผู้ใช้นิ้วส่งลูกบอลมาให้ด้วยการเล่นลูกบนมือบน
กติกาการเล่นข้อที่ 15 การสกัดกั้น (BLOCK)
15.1 การสกัดกั้น (BLOCK)
15.1.1 การสกัดกั้นคือ การเล่นของผู้เล่นที่อยู่ชิดตาข่ายเพื่อป้องกันลูกบอลที่จะมาจากทีมตรงข้าม โดยเอื้อมมือสูงกว่าระดับสูงสุดของตาข่าย
ผู้เล่นแถวหน้าเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสกัดกั้นได้
15.1.2 ความพยายามที่จะสกัดกั้น คือลักษณะของการทำการสกัดกั้นแต่ไม่ถูกลูกบอล
15.1.3 การสกัดกั้นที่สมบูรณ์ คือการสกัดกั้นที่สมบูรณ์ คือการสกัดกั้นที่ผู้สกัดกั้นถูกลูกบอล
15.1.4 การสกัดกั้นเป็นกลุ่ม คือการสกัดกั้นโดยผู้เล่นสองหรือสามคนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน การสกัดกั้นจะสมบูรณ์เมื่อผู้เล่นคนใดคนหนึ่งถูกลูกบอล
15.2 การถูกลูกบอลขณะทำการสกัดกั้น (BLOCK CONTACT)
การถูกลูกบอลหลายครั้ง (อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง) โดยผู้สกัดกั้นคนเดียวหรือมากกว่าอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าการถูกลูกนั้นเป็นลักษณะทำการสกัดกั้นเพียงครั้งเดียว
15.3 การสกัดกั้นในแดนของทีมตรงข้าม (BLOCKING WITHIN THE OPPONENT’S SPACE)
ในการสกัดกั้น ผู้เล่นยื่นมือแขนล้ำตาข่ายได้ ถ้าไม่กีดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม การสกัดกั้นจะถูกลูกบอลในแดนของทีมตรงข้ามไม่ได้ จนกว่าทีมตรงข้ามจะถูกลูกเพื่อทำการรุกแล้ว
15.4 การสกัดกั้นและการถูกลูกบอลของทีม (BLOCK AND TEAM HITS)
15.4.1 การถูกลูกบอลโดยการสกัดกั้น ไม่นับเป็นการถูกลูกบอลของทีม หลังจากถูกลูกบอลโดยการสกัดกั้นแล้ว ทีมนั้นยังถูกลูกบอลได้อีก 3 ครั้ง เพื่อส่งลูกกลับไปยังทีมตรงข้าม
15.4.2 หลังจากทำการสกัดกั้น ผู้ถูกลูกแรกจะเป็นผู้เล่นคนใดคนหนึ่งรวมทั้งผู้เล่นที่ถูกลูกบอลในการสกัดกั้นด้วยก็ได้
15.5 การสกัดกั้นลูกเสิร์ฟ (BLOCKING THE SERVICE)
ห้ามสกัดกั้นลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมา
15.6 การสกัดกั้นที่ผิดกติกา (BLOCKING FAULT)
15.6.1 ผู้สกัดกั้นถูกลูกบอลในแดนของทีมตรงข้ามก่อนหรือพร้อมกับการถูกลูกเพื่อทำการรุกของทีมตรงข้าม
15.6.2 ผู้เล่นแถวหลังหรือตัวรับอิสระ ทำการสกัดกั้นหรือรวมกลุ่มทำการสกัดกั้นโดยสมบูรณ์
15.6.3 สกัดกั้นลูกเสิร์ฟของทีมตรงข้าม
15.6.4 ลูกบอลถูกสกัดกั้นแล้วออกนอกเขตสนาม
15.6.5 สกัดกั้นลูกบอลด้านนอกเสาอากาศในแดนของทีมตรงข้าม
15.6.6 ตัวรัยอิสระพยายามทำการสกัดกั้นด้วยตัวเองหรือรวมกับผู้เล่นอื่น
15.1.1 การสกัดกั้นคือ การเล่นของผู้เล่นที่อยู่ชิดตาข่ายเพื่อป้องกันลูกบอลที่จะมาจากทีมตรงข้าม โดยเอื้อมมือสูงกว่าระดับสูงสุดของตาข่าย
ผู้เล่นแถวหน้าเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสกัดกั้นได้
15.1.2 ความพยายามที่จะสกัดกั้น คือลักษณะของการทำการสกัดกั้นแต่ไม่ถูกลูกบอล
15.1.3 การสกัดกั้นที่สมบูรณ์ คือการสกัดกั้นที่สมบูรณ์ คือการสกัดกั้นที่ผู้สกัดกั้นถูกลูกบอล
15.1.4 การสกัดกั้นเป็นกลุ่ม คือการสกัดกั้นโดยผู้เล่นสองหรือสามคนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน การสกัดกั้นจะสมบูรณ์เมื่อผู้เล่นคนใดคนหนึ่งถูกลูกบอล
15.2 การถูกลูกบอลขณะทำการสกัดกั้น (BLOCK CONTACT)
การถูกลูกบอลหลายครั้ง (อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง) โดยผู้สกัดกั้นคนเดียวหรือมากกว่าอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าการถูกลูกนั้นเป็นลักษณะทำการสกัดกั้นเพียงครั้งเดียว
15.3 การสกัดกั้นในแดนของทีมตรงข้าม (BLOCKING WITHIN THE OPPONENT’S SPACE)
ในการสกัดกั้น ผู้เล่นยื่นมือแขนล้ำตาข่ายได้ ถ้าไม่กีดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม การสกัดกั้นจะถูกลูกบอลในแดนของทีมตรงข้ามไม่ได้ จนกว่าทีมตรงข้ามจะถูกลูกเพื่อทำการรุกแล้ว
15.4 การสกัดกั้นและการถูกลูกบอลของทีม (BLOCK AND TEAM HITS)
15.4.1 การถูกลูกบอลโดยการสกัดกั้น ไม่นับเป็นการถูกลูกบอลของทีม หลังจากถูกลูกบอลโดยการสกัดกั้นแล้ว ทีมนั้นยังถูกลูกบอลได้อีก 3 ครั้ง เพื่อส่งลูกกลับไปยังทีมตรงข้าม
15.4.2 หลังจากทำการสกัดกั้น ผู้ถูกลูกแรกจะเป็นผู้เล่นคนใดคนหนึ่งรวมทั้งผู้เล่นที่ถูกลูกบอลในการสกัดกั้นด้วยก็ได้
15.5 การสกัดกั้นลูกเสิร์ฟ (BLOCKING THE SERVICE)
ห้ามสกัดกั้นลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมา
15.6 การสกัดกั้นที่ผิดกติกา (BLOCKING FAULT)
15.6.1 ผู้สกัดกั้นถูกลูกบอลในแดนของทีมตรงข้ามก่อนหรือพร้อมกับการถูกลูกเพื่อทำการรุกของทีมตรงข้าม
15.6.2 ผู้เล่นแถวหลังหรือตัวรับอิสระ ทำการสกัดกั้นหรือรวมกลุ่มทำการสกัดกั้นโดยสมบูรณ์
15.6.3 สกัดกั้นลูกเสิร์ฟของทีมตรงข้าม
15.6.4 ลูกบอลถูกสกัดกั้นแล้วออกนอกเขตสนาม
15.6.5 สกัดกั้นลูกบอลด้านนอกเสาอากาศในแดนของทีมตรงข้าม
15.6.6 ตัวรัยอิสระพยายามทำการสกัดกั้นด้วยตัวเองหรือรวมกับผู้เล่นอื่น
กติกาการเล่นข้อที่ 16 การหยุดการแข่งขันตามกติกา (REGULAR GAME INTERRUPTION)
การหยุดการแข่งขันตามกติกา ได้แก่การขอเวลานอกและการเปลี่ยนตัว
16.1 จำนวนครั้งของการขอหยุดการแข่งขันตามกติกา (NUMBER OF REGULAR INTERRUPTIONS)
แต่ละทีมของเวลานอกได้อย่างมากที่สุด 2 ครั้ง และเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 6 คนต่อเซต
16.2 การขอหยุดการแข่งขันตามกติกา (REQUEST FOR REGULAR INTERRUPTIONS)
16.2.1 ผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีมที่ลงแข่งขันเท่านั้นที่ขอหยุดการแข่งขันได้การขอหยุดการแข่งขันได้ การขอหยุดการแข่งขันกระทำโดยแสดงสัญญาณมือเมื่อลูกตายและก่อนสัญญาณนกหวีดทำการเสิร์ฟ
16.2.2 การขอเปลี่ยนตัวก่อนเริ่มการแข่งขันของเซตสามารถทำได้และต้องบันทึกไว้เหมือนกับการขอเปลี่ยนตัวปกติในเซตนั้น
16.3 ลำดับการขอหยุดการแข่งขัน (SEQUENCE OF INTERRUPTION)
16.3.1 ทีมที่สามารถขอเวลานอกหนึ่งหรือสองครั้งติดต่อกันได้และตามด้วยการขอเปลี่ยนตัวได้อีกด้วยโดยไม่ต้องรอให้มีการแข่งขันแทรกระหว่างการขอหยุดการแข่งขันแต่ละครั้ง
16.3.2 ไม่อนุญาตให้ทีมขอเปลี่ยนตัวสองครั้งติดต่อกันเว้นเสียแต่ว่ามีการแข่งขันเกิดขึ้นหลังจากการขอเปลี่ยนตัวครั้งแรกแล้วจึงขอเปลี่ยนตัวครั้งต่อไปได้การเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งจะเปลี่ยนครั้งละสองคนหรือมากว่าก็ได้
16.4 เวลานอกปกติและเวลานอกทางเทคนิค (TIME-OUTS AND TECHNICAL TIME-OUTS)
16.4.1 การขอเวลานอกแต่ละครั้งมีเวลา 30 วินาทีสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
และการแข่งขันอย่างเป็นทางการระหว่างเซตที่ 1 ถึง 4 เมื่อทีมใดนำไปถึงคะแนนที่ 8 และคะแนนที่ 16 ในแต่ละ
เซตจะให้เวลานอกทางเทคนิคโดยอัตโนมัติครั้งละ 60 วินาที ในเซตตัดสิน (เซตที่ 5) ไม่มีการให้เวลานอกทาง
เทคนิคแต่ละทีมขอเวลานอกตามปกติได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วินาที
16.4.2 ระหว่างการขอเวลานอกทุกแบบผู้เล่นในสนามแข่งขันต้องออกไปอยู่เขตรอบสนามใกล้ม้านั่ง
16.5 การเปลี่ยนตัวผู้เล่น (PLAYER SUBSTITUTION)
16.5.1 การเปลี่ยนตัวต้อวกระทำภายในเขตเปลี่ยนตัว
16.5.2 การเปลี่ยนตัวจะใช้เวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อบันทึกการขางขันและให้ผู้เล่นเข้าและออกจากสนามเท่านั้น
16.5.3 ขณะขอเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่จะเปลี่ยนตัวต้องพร้อมจะเข้าสนามใกล้กับเขตเปลี่ยนตัวถ้าผู้เล่นไม่พร้อมตาม
ที่กล่าวข้างต้น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนตัวและทีมจะถูกทำโทษถ่วงเวลาสำหรับการแข่งขันรับโลก
ของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการจะใช้ป้ายหมายเลขช่วยในการเปลี่ยนตัว
16.5.4 ถ้าทีมตั้งใจเปลี่ยนตัวมากกว่า 1 คนจะต้องให้สัญญาณบอกจำนวนในขณะขอเปลี่ยนตัวและในกรณีนี้ต้อง
ทำการเปลี่ยนตัวให้เสร็จสิ้นทีละคู่ ตามลำดับ
16.6 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดปกติ (IMPROPER REQUESTS)
16.6.1 การขอหยุดการแข่งขันต่อไปนี้เป็นการกระทำที่ผิดกติกา
16.6.1.1 ระหว่างการเล่นกำลังดำเนินอยู่ หรือขณะกำลังให้สัญญาณทำการเสิร์ฟแล้ว
16.6.1.2 โดยผู้ร่วมทีมที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ
16.6.1.3 ขอเปลี่ยนตัวครั้งที่ 2 โดยยังไม่ได้ดำเนินการแข่งขันหลังจากเปลี่ยนตัวครั้งแรกไปแล้ว
16.6.1.4 หลังจากจำนวนครั้งที่ขอเวลานอกการขอเปลี่ยนตัวได้ใช้ไปหมดแล้ว
16.6.2 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดกติกาครั้งแรกที่ไม่มีผลกระทบหรือทำให้การแข่งขันล่าช้าจะได้รับการปฏิเสธโดยไม่มีการทำโทษใด ๆ
16.6.3 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดกติกาซ้ำอีกในการแข่งขันนัดนั้น ถือว่าเป็นการถ่วง
16.1 จำนวนครั้งของการขอหยุดการแข่งขันตามกติกา (NUMBER OF REGULAR INTERRUPTIONS)
แต่ละทีมของเวลานอกได้อย่างมากที่สุด 2 ครั้ง และเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 6 คนต่อเซต
16.2 การขอหยุดการแข่งขันตามกติกา (REQUEST FOR REGULAR INTERRUPTIONS)
16.2.1 ผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีมที่ลงแข่งขันเท่านั้นที่ขอหยุดการแข่งขันได้การขอหยุดการแข่งขันได้ การขอหยุดการแข่งขันกระทำโดยแสดงสัญญาณมือเมื่อลูกตายและก่อนสัญญาณนกหวีดทำการเสิร์ฟ
16.2.2 การขอเปลี่ยนตัวก่อนเริ่มการแข่งขันของเซตสามารถทำได้และต้องบันทึกไว้เหมือนกับการขอเปลี่ยนตัวปกติในเซตนั้น
16.3 ลำดับการขอหยุดการแข่งขัน (SEQUENCE OF INTERRUPTION)
16.3.1 ทีมที่สามารถขอเวลานอกหนึ่งหรือสองครั้งติดต่อกันได้และตามด้วยการขอเปลี่ยนตัวได้อีกด้วยโดยไม่ต้องรอให้มีการแข่งขันแทรกระหว่างการขอหยุดการแข่งขันแต่ละครั้ง
16.3.2 ไม่อนุญาตให้ทีมขอเปลี่ยนตัวสองครั้งติดต่อกันเว้นเสียแต่ว่ามีการแข่งขันเกิดขึ้นหลังจากการขอเปลี่ยนตัวครั้งแรกแล้วจึงขอเปลี่ยนตัวครั้งต่อไปได้การเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งจะเปลี่ยนครั้งละสองคนหรือมากว่าก็ได้
16.4 เวลานอกปกติและเวลานอกทางเทคนิค (TIME-OUTS AND TECHNICAL TIME-OUTS)
16.4.1 การขอเวลานอกแต่ละครั้งมีเวลา 30 วินาทีสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
และการแข่งขันอย่างเป็นทางการระหว่างเซตที่ 1 ถึง 4 เมื่อทีมใดนำไปถึงคะแนนที่ 8 และคะแนนที่ 16 ในแต่ละ
เซตจะให้เวลานอกทางเทคนิคโดยอัตโนมัติครั้งละ 60 วินาที ในเซตตัดสิน (เซตที่ 5) ไม่มีการให้เวลานอกทาง
เทคนิคแต่ละทีมขอเวลานอกตามปกติได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วินาที
16.4.2 ระหว่างการขอเวลานอกทุกแบบผู้เล่นในสนามแข่งขันต้องออกไปอยู่เขตรอบสนามใกล้ม้านั่ง
16.5 การเปลี่ยนตัวผู้เล่น (PLAYER SUBSTITUTION)
16.5.1 การเปลี่ยนตัวต้อวกระทำภายในเขตเปลี่ยนตัว
16.5.2 การเปลี่ยนตัวจะใช้เวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อบันทึกการขางขันและให้ผู้เล่นเข้าและออกจากสนามเท่านั้น
16.5.3 ขณะขอเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่จะเปลี่ยนตัวต้องพร้อมจะเข้าสนามใกล้กับเขตเปลี่ยนตัวถ้าผู้เล่นไม่พร้อมตาม
ที่กล่าวข้างต้น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนตัวและทีมจะถูกทำโทษถ่วงเวลาสำหรับการแข่งขันรับโลก
ของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการจะใช้ป้ายหมายเลขช่วยในการเปลี่ยนตัว
16.5.4 ถ้าทีมตั้งใจเปลี่ยนตัวมากกว่า 1 คนจะต้องให้สัญญาณบอกจำนวนในขณะขอเปลี่ยนตัวและในกรณีนี้ต้อง
ทำการเปลี่ยนตัวให้เสร็จสิ้นทีละคู่ ตามลำดับ
16.6 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดปกติ (IMPROPER REQUESTS)
16.6.1 การขอหยุดการแข่งขันต่อไปนี้เป็นการกระทำที่ผิดกติกา
16.6.1.1 ระหว่างการเล่นกำลังดำเนินอยู่ หรือขณะกำลังให้สัญญาณทำการเสิร์ฟแล้ว
16.6.1.2 โดยผู้ร่วมทีมที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ
16.6.1.3 ขอเปลี่ยนตัวครั้งที่ 2 โดยยังไม่ได้ดำเนินการแข่งขันหลังจากเปลี่ยนตัวครั้งแรกไปแล้ว
16.6.1.4 หลังจากจำนวนครั้งที่ขอเวลานอกการขอเปลี่ยนตัวได้ใช้ไปหมดแล้ว
16.6.2 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดกติกาครั้งแรกที่ไม่มีผลกระทบหรือทำให้การแข่งขันล่าช้าจะได้รับการปฏิเสธโดยไม่มีการทำโทษใด ๆ
16.6.3 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดกติกาซ้ำอีกในการแข่งขันนัดนั้น ถือว่าเป็นการถ่วง
กติกาการเล่นข้อที่ 17 การถ่วงเวลาการแข่งขัน (GAME DELAYS)
17.1 ชนิดของการถ่วงเวลาการแข่งขัน (TYPES OF DELATS)
การกระทำใด ๆของทีมที่เป็นเหตุให้การแข่งขันล่าช้าถือว่าเป็นการถ่วงเวลาซึ่งประกอบด้วย
17.1.1 การเปลี่ยนตัวล่าช้า
17.1.2 เมื่อได้รับแจ้งให้เริ่มการแข่งขันแล้วยังทำให้การขอหยุดการแข่งขันเนิ่นนานออกไปอีก
17.1.3 ขอเปลี่ยนตัวผิดกติกา
17.1.4 ขอยุดการแข่งขันผิดปกติซ้ำอีก
17.1.5 การถ่วงเวลาการแข่งขันโดยผู้ร่วมมือ
17.2 บททำโทษในการถ่วงเวลา (DELAY SANCTIONS)
17.2.1 การเตือน (Delay Warning) และการลงเมื่อถ่วงเวลา (Delay penalty)เป็นการทำโทษทีม
17.2.1.1 การถูกทำโทษเมื่อถ่วงเวลาจะมีผลต่อเนื่องตลอดการแข่งขันนัดนั้น
17.2.1.2 การถูกทำโทษและถูกเตือนเมื่อถ่วงเวลา ต้องบันทึกลงในบันทึกการแข่งขัน
17.2.2 การถ่วงเวลาครั้งแรกของทีมในการแข่งขันนัดใดนัดหนึ่ง จะถูกทำโทษด้วยการเตือน (Delay Warning)
17.2.3 การถ่วงเวลาครั้งที่ 2 และครั้งต่อ ๆ ไปในการแข่งขันนัดเดียวกัน ไม่ว่าแบบใด โดยผู้เล่นหรือผู้ร่วมทีมคนใดถือว่าหระทำผิดกติกาและจะถูกทำโทษให้เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกนั้น
17.2.4 การทำโทษเมื่อถ่วงเวลา ก่อนเริ่มต้นเซตหรือระหว่างเซตจะมีผลในเซตถัดไป
การกระทำใด ๆของทีมที่เป็นเหตุให้การแข่งขันล่าช้าถือว่าเป็นการถ่วงเวลาซึ่งประกอบด้วย
17.1.1 การเปลี่ยนตัวล่าช้า
17.1.2 เมื่อได้รับแจ้งให้เริ่มการแข่งขันแล้วยังทำให้การขอหยุดการแข่งขันเนิ่นนานออกไปอีก
17.1.3 ขอเปลี่ยนตัวผิดกติกา
17.1.4 ขอยุดการแข่งขันผิดปกติซ้ำอีก
17.1.5 การถ่วงเวลาการแข่งขันโดยผู้ร่วมมือ
17.2 บททำโทษในการถ่วงเวลา (DELAY SANCTIONS)
17.2.1 การเตือน (Delay Warning) และการลงเมื่อถ่วงเวลา (Delay penalty)เป็นการทำโทษทีม
17.2.1.1 การถูกทำโทษเมื่อถ่วงเวลาจะมีผลต่อเนื่องตลอดการแข่งขันนัดนั้น
17.2.1.2 การถูกทำโทษและถูกเตือนเมื่อถ่วงเวลา ต้องบันทึกลงในบันทึกการแข่งขัน
17.2.2 การถ่วงเวลาครั้งแรกของทีมในการแข่งขันนัดใดนัดหนึ่ง จะถูกทำโทษด้วยการเตือน (Delay Warning)
17.2.3 การถ่วงเวลาครั้งที่ 2 และครั้งต่อ ๆ ไปในการแข่งขันนัดเดียวกัน ไม่ว่าแบบใด โดยผู้เล่นหรือผู้ร่วมทีมคนใดถือว่าหระทำผิดกติกาและจะถูกทำโทษให้เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกนั้น
17.2.4 การทำโทษเมื่อถ่วงเวลา ก่อนเริ่มต้นเซตหรือระหว่างเซตจะมีผลในเซตถัดไป
กติกาการเล่นข้อที่ 18 การหยุดการแข่งขันที่ได้รับการยกเว้น
18.1 การบาดเจ็บ (INJURY)
18.1.1 เมื่อมีอุบัติเหตุร้ายแรงระหว่างการเล่นลูกผู้ตัดสินต้องหยุดการแข่งขันทันทีและอนุญาตให้พยาบาลลงไปในสนามได้แล้วให้เล่นลูกนั้นใหม่
18.1.2 ถ้าผู้เล่นที่บาดเจ็บไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้ตามกติกาหรือตามข้อยกเว้นจะอนุญาตให้ปฐมพยาบาลผู้เล่นนั้นได้
3 นาทีแต่จะทำได้เพียงครั้งเดียวในการแข่งขันนัดนั้น สำหรับผู้เล่นคนเดิมถ้าพยาบาลแล้วยังเล่นต่อไปไม่ได้
จะถือว่าทีมนั้นไม่พร้อมทำการแข่งขัน
18.2 เหตุขัดข้องนอกเหนือกติกาการแข่งขัน (EXTERNAL INTERFERENCE)
ถ้ามีเขตขัดข้องนอกเหนือกติกาเกิดขึ้นระหว่างแข่งขันจะต้องหยุดการแข่งขันไว้และให้เล่นลูกนั้นใหม่
18.3 เหตุขัดข้องเป็นเวลายาวนาน (PROLONGED INTERRUPTIONS)
18.3.1 ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันทำให้การแข่งขันหยุดลงผู้ตัดสินที่ 1 ฝ่ายจัดการแข่งขันและคณะกรรมการควบคุมการแข่งขันจะร่วมกันตัดสินใจให้การแข่งขันดำเนินต่อไปตามปกติ
18.3.2 ถ้าต้องหยุดการแข่งขันครั้งเดียวหรือหลายครั้ง แต่รวมแล้วไม่เกิน 4 ชั่วโมง
18.3.2.1 ถ้าทำการแข่งขันใหม่ในสนามแข่งขันเดิมเซตที่หยุดการแข่งขันการแข่งขันไปจะถูกนำกลับมาแข่งขัน
ตามปกติโดยใช้คะแนนผู้เล่นและตำแหน่งเดิมผลการแข่งขันของเซตที่ผ่านไปแล้ว ยังมีผลเหมือนเดิม
18.3.2.2 ถ้าทำการแข่งขันใหม่ในสนามอื่นให้ยกเลิกผลการแข่งขันในเซตที่หยุดการแข่งขันแล้วเริ่มต้นเริ่มใหม่ตามตำแหน่งเดิมผลการแข่งขันของเซตที่ผ่านไปแล้งยังมีผลเหมือนเดิม
18.3.3 ถ้าต้องหยุดการแข่งขันครั้งเดียวหรือหลาย ๆ ครั้งรวมกันแล้วเกิน 4 ชั่วโมงจะต้องทำการแข่งขันนัดนั้นใหม่ทั้งหมด
18.1.1 เมื่อมีอุบัติเหตุร้ายแรงระหว่างการเล่นลูกผู้ตัดสินต้องหยุดการแข่งขันทันทีและอนุญาตให้พยาบาลลงไปในสนามได้แล้วให้เล่นลูกนั้นใหม่
18.1.2 ถ้าผู้เล่นที่บาดเจ็บไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้ตามกติกาหรือตามข้อยกเว้นจะอนุญาตให้ปฐมพยาบาลผู้เล่นนั้นได้
3 นาทีแต่จะทำได้เพียงครั้งเดียวในการแข่งขันนัดนั้น สำหรับผู้เล่นคนเดิมถ้าพยาบาลแล้วยังเล่นต่อไปไม่ได้
จะถือว่าทีมนั้นไม่พร้อมทำการแข่งขัน
18.2 เหตุขัดข้องนอกเหนือกติกาการแข่งขัน (EXTERNAL INTERFERENCE)
ถ้ามีเขตขัดข้องนอกเหนือกติกาเกิดขึ้นระหว่างแข่งขันจะต้องหยุดการแข่งขันไว้และให้เล่นลูกนั้นใหม่
18.3 เหตุขัดข้องเป็นเวลายาวนาน (PROLONGED INTERRUPTIONS)
18.3.1 ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันทำให้การแข่งขันหยุดลงผู้ตัดสินที่ 1 ฝ่ายจัดการแข่งขันและคณะกรรมการควบคุมการแข่งขันจะร่วมกันตัดสินใจให้การแข่งขันดำเนินต่อไปตามปกติ
18.3.2 ถ้าต้องหยุดการแข่งขันครั้งเดียวหรือหลายครั้ง แต่รวมแล้วไม่เกิน 4 ชั่วโมง
18.3.2.1 ถ้าทำการแข่งขันใหม่ในสนามแข่งขันเดิมเซตที่หยุดการแข่งขันการแข่งขันไปจะถูกนำกลับมาแข่งขัน
ตามปกติโดยใช้คะแนนผู้เล่นและตำแหน่งเดิมผลการแข่งขันของเซตที่ผ่านไปแล้ว ยังมีผลเหมือนเดิม
18.3.2.2 ถ้าทำการแข่งขันใหม่ในสนามอื่นให้ยกเลิกผลการแข่งขันในเซตที่หยุดการแข่งขันแล้วเริ่มต้นเริ่มใหม่ตามตำแหน่งเดิมผลการแข่งขันของเซตที่ผ่านไปแล้งยังมีผลเหมือนเดิม
18.3.3 ถ้าต้องหยุดการแข่งขันครั้งเดียวหรือหลาย ๆ ครั้งรวมกันแล้วเกิน 4 ชั่วโมงจะต้องทำการแข่งขันนัดนั้นใหม่ทั้งหมด
กติกาการเล่นข้อที่ 19 การหยุดพักและการเปลี่ยนแดน
19.1 การหยุดพักระหว่างเซต (INTERVALS)
การหยุดพักระหว่างเซตจะพักเซตละ 3 นาที ระหว่างการหยุดพักนี้จะทำการเปลี่ยนแดนและบันทึกตำแหน่งเริ่ม
แข่งขันลงในใบบันทึกผลการแข่งขันการหยุดพักระหว่างเซตที่ 2 และเซตที่ 3 อาจขยายเวลาพักเป็น 10 นาทีได้ ตามคำขอของเจ้าภาพต่อคณะกรรมการควบคุมการแข่งขัน ย่อหน้าที่ 3 เพิ่มเติมจากกติกาเดิม
19.2 การเปลี่ยนแดน (CHANGE OF COURTS)
19.2.1 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละเซตทั้งสองทีมจะเปลี่ยนแดน ยกเว้นเซตตัดสิน
19.2.2 ในเซตตัดสิน เมื่อทีมใดทำได้ 8 คะแนน จะทำการเปลี่ยนแดนทันทีและตำแหน่งของผู้เล่นให้เป็นไปตามเดิม
ถ้าไม่ได้เปลี่ยนแดนเมื่อทีมที่นำอยู่ได้คะแนนที่ 8 จะต้องทำการเปลี่ยนแดนทันทีที่พบข้อผิดพลาด ส่วนคะแนนให้เป็นไปตามเดิม
การหยุดพักระหว่างเซตจะพักเซตละ 3 นาที ระหว่างการหยุดพักนี้จะทำการเปลี่ยนแดนและบันทึกตำแหน่งเริ่ม
แข่งขันลงในใบบันทึกผลการแข่งขันการหยุดพักระหว่างเซตที่ 2 และเซตที่ 3 อาจขยายเวลาพักเป็น 10 นาทีได้ ตามคำขอของเจ้าภาพต่อคณะกรรมการควบคุมการแข่งขัน ย่อหน้าที่ 3 เพิ่มเติมจากกติกาเดิม
19.2 การเปลี่ยนแดน (CHANGE OF COURTS)
19.2.1 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละเซตทั้งสองทีมจะเปลี่ยนแดน ยกเว้นเซตตัดสิน
19.2.2 ในเซตตัดสิน เมื่อทีมใดทำได้ 8 คะแนน จะทำการเปลี่ยนแดนทันทีและตำแหน่งของผู้เล่นให้เป็นไปตามเดิม
ถ้าไม่ได้เปลี่ยนแดนเมื่อทีมที่นำอยู่ได้คะแนนที่ 8 จะต้องทำการเปลี่ยนแดนทันทีที่พบข้อผิดพลาด ส่วนคะแนนให้เป็นไปตามเดิม
กติกาการเล่นข้อที่ 20 ตัวรับอิสระ (THE LIBERO PLAYER)
20.1 การแต่งตั้งตัวรับอิสระ (DESIGNATION OF THE LIBERO)
20.1.1 แต่ละทีมมีสิทธ์แต่งตั้งตัวรับอิสระที่รับลูกบอลได้ดีเป็นพิเศษ 1 คนจากผู้เล่นที่ส่งรายชื่อ 12 คนสุดท้าย
20.1.2 ก่อนเริมการแข่งขันต้องบันทึกตัวรับอิสระในใบบันทึกการแข่งขันที่บรรทัดซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษสำหับการนี้ และต้องระบุหมายเลขลงในใบส่งตำแหน่งเซตที่ 1
20.1.3 ตัวรับอิสระจะเป็นหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) หรือหัวหน้าทีมขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN) ไม่ได้
20.2 เครื่องแต่งกาย (EQUIPMENT)
ตัวรับอิสระต้องสวมชุดแข่งขัน (หรือเสื้อที่ออกแบบพิเศษสำหรับตัวรับอิสระ)อย่างน้อยที่สุดสีเสื้อต้องแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมแบบชุดแข่งขันของตัวรับอิสระอาจแตกต่างจากคนอื่นแต่แบบของหมายเลขบนชุดแข่งขันต้องเหมือนกับของเพื่อนร่วมทีม
20.3 ลักษณะการเล่นที่เกี่ยวข้องกับตัวรับอิสระ (ACTIONS INVOLVING THE LIBCERO)
20.3.1 ลักษณะการเล่น
20.3.1.1 ตัวรับอิสระจะแทนผู้เล่นแดนหลังคนใดก็ได้
20.3.1.2 ตัวรับอิสระถูกกำหนดให้ทำหน้าที่เหมือนกับผู้เล่นแดนหลังคนหนึ่งไม่อนุญาตให้ทำการรุกอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าจากจุดใดของสนาม (ทั้งภายในสนามแข่งขันและเขตเล่นลูก) ถ้าถูกลูกบอลในขณะที่ทุกส่วนของลูกบอล อยู่สูงกว่าขอบบนสุดของตาข่าย
20.3.1.3 ตัวรับอิสระจะทำการเสิร์ฟสกัดกั้นหรือพยายามทำการสกัดกั้นไม่ได้
20.3.1.4 ขณะที่ตัวรับอิสระอยู่ในแดนหน้าแล้วใช้นิ้วเล่นลูกมือบนส่งลูกบอลมาให้เพื่อนร่วมทีมจะทำการ รุกลูกบอลที่อยู่สูงกว่าขอบบนของตาข่ายไม่ได้แต่ถ้าตัวรับอิสระส่งลูกในลักษณะเดียวกันมาจากแดนหลัง เพื่อนร่วมทีมที่สามารถทำการรุกได้อย่างเสรี
20.3.2 การเปลี่ยนตัว
20.3.2.1 การเปลี่ยนตัวที่เกี่ยวข้องกับตัวรับอิสระไม่นับจำนวนครั้งเหมือนกับการเปลี่ยนตัวตามปกติกติกาข้อ 8ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเปลี่ยนตัวแต่ต้องมีการเล่นลูกคั่นหนึ่งครั้งก่อนการเปลี่ยนตัวของตัวรับอิสระครั้งต่อไปตัวรับอิสระสามารถเปลี่ยนตัวได้กับผู้เล่นที่ตัวรับอิสระลงไปเปลี่ยนตัวด้วยเท่านั้น
20.3.2.2 การเปลี่ยนตัวทำได้ในขณะที่ลูกตายและก่อนสัญญาณนกหวีดให้ทำการเสิร์ฟเท่านั้น
20.3.2.3 การเปลี่ยนตัวภายหลังสัญญาณนกหวีดให้ทำการเสิร์ฟ แต่ก่อนที่ผู้เสิร์ฟจะทำการเสิร์ฟผู้ตัดสินไม่ควรปฏิเสธแต่ต้องตักเตือนด้วยวาจาภายหลังจากการเล่นลูกครั้งนั้นเสร็จสิ้นลงการเปลี่ยนตัวล่าช้าครั้งต่อๆ ไปต้องถูกทำโทษ
ในการถ่วงเวลา
20.3.2.4 ตัวรับอิสระและผู้เล่นที่เปลี่ยนตัวแทนกันจะเข้าและออกจากสนามได้ที่เส้นข้างตรงหน้าม้านั่งของทีมตนเอง
ระหว่างเส้นรุกถึงเส้นท้ายสนาม
20.3.3 การแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่
20.3.3.1 ถ้าตัวรับอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่ได้จากผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในสนามแข่งขัน ขณะขอทำการ
แต่งตั้งใหม่และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินที่ 1 ตัวรับอิสระที่ได้บาดเจ็บจะลงเล่นในนัดนั้นอีกไม่ได้ผู้เล่นที่ได้รับ
การแต่งตั้งให้เป็นตัวรับอิสระใหม่ต้องทำหน้าที่ตัวรับอิสระตลอดการแข่งขันนัดนั้น
20.3.3.2 ถ้ามีการแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่ต้องบันทึกหมายเลขของผู้เล่นนั้นลงในช่องหมายเหตุของใบบันทึก
การแข่งขันและในส่งตำแหน่งของเซตถัดไป
20.1.1 แต่ละทีมมีสิทธ์แต่งตั้งตัวรับอิสระที่รับลูกบอลได้ดีเป็นพิเศษ 1 คนจากผู้เล่นที่ส่งรายชื่อ 12 คนสุดท้าย
20.1.2 ก่อนเริมการแข่งขันต้องบันทึกตัวรับอิสระในใบบันทึกการแข่งขันที่บรรทัดซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษสำหับการนี้ และต้องระบุหมายเลขลงในใบส่งตำแหน่งเซตที่ 1
20.1.3 ตัวรับอิสระจะเป็นหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) หรือหัวหน้าทีมขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN) ไม่ได้
20.2 เครื่องแต่งกาย (EQUIPMENT)
ตัวรับอิสระต้องสวมชุดแข่งขัน (หรือเสื้อที่ออกแบบพิเศษสำหรับตัวรับอิสระ)อย่างน้อยที่สุดสีเสื้อต้องแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมแบบชุดแข่งขันของตัวรับอิสระอาจแตกต่างจากคนอื่นแต่แบบของหมายเลขบนชุดแข่งขันต้องเหมือนกับของเพื่อนร่วมทีม
20.3 ลักษณะการเล่นที่เกี่ยวข้องกับตัวรับอิสระ (ACTIONS INVOLVING THE LIBCERO)
20.3.1 ลักษณะการเล่น
20.3.1.1 ตัวรับอิสระจะแทนผู้เล่นแดนหลังคนใดก็ได้
20.3.1.2 ตัวรับอิสระถูกกำหนดให้ทำหน้าที่เหมือนกับผู้เล่นแดนหลังคนหนึ่งไม่อนุญาตให้ทำการรุกอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าจากจุดใดของสนาม (ทั้งภายในสนามแข่งขันและเขตเล่นลูก) ถ้าถูกลูกบอลในขณะที่ทุกส่วนของลูกบอล อยู่สูงกว่าขอบบนสุดของตาข่าย
20.3.1.3 ตัวรับอิสระจะทำการเสิร์ฟสกัดกั้นหรือพยายามทำการสกัดกั้นไม่ได้
20.3.1.4 ขณะที่ตัวรับอิสระอยู่ในแดนหน้าแล้วใช้นิ้วเล่นลูกมือบนส่งลูกบอลมาให้เพื่อนร่วมทีมจะทำการ รุกลูกบอลที่อยู่สูงกว่าขอบบนของตาข่ายไม่ได้แต่ถ้าตัวรับอิสระส่งลูกในลักษณะเดียวกันมาจากแดนหลัง เพื่อนร่วมทีมที่สามารถทำการรุกได้อย่างเสรี
20.3.2 การเปลี่ยนตัว
20.3.2.1 การเปลี่ยนตัวที่เกี่ยวข้องกับตัวรับอิสระไม่นับจำนวนครั้งเหมือนกับการเปลี่ยนตัวตามปกติกติกาข้อ 8ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเปลี่ยนตัวแต่ต้องมีการเล่นลูกคั่นหนึ่งครั้งก่อนการเปลี่ยนตัวของตัวรับอิสระครั้งต่อไปตัวรับอิสระสามารถเปลี่ยนตัวได้กับผู้เล่นที่ตัวรับอิสระลงไปเปลี่ยนตัวด้วยเท่านั้น
20.3.2.2 การเปลี่ยนตัวทำได้ในขณะที่ลูกตายและก่อนสัญญาณนกหวีดให้ทำการเสิร์ฟเท่านั้น
20.3.2.3 การเปลี่ยนตัวภายหลังสัญญาณนกหวีดให้ทำการเสิร์ฟ แต่ก่อนที่ผู้เสิร์ฟจะทำการเสิร์ฟผู้ตัดสินไม่ควรปฏิเสธแต่ต้องตักเตือนด้วยวาจาภายหลังจากการเล่นลูกครั้งนั้นเสร็จสิ้นลงการเปลี่ยนตัวล่าช้าครั้งต่อๆ ไปต้องถูกทำโทษ
ในการถ่วงเวลา
20.3.2.4 ตัวรับอิสระและผู้เล่นที่เปลี่ยนตัวแทนกันจะเข้าและออกจากสนามได้ที่เส้นข้างตรงหน้าม้านั่งของทีมตนเอง
ระหว่างเส้นรุกถึงเส้นท้ายสนาม
20.3.3 การแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่
20.3.3.1 ถ้าตัวรับอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่ได้จากผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในสนามแข่งขัน ขณะขอทำการ
แต่งตั้งใหม่และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินที่ 1 ตัวรับอิสระที่ได้บาดเจ็บจะลงเล่นในนัดนั้นอีกไม่ได้ผู้เล่นที่ได้รับ
การแต่งตั้งให้เป็นตัวรับอิสระใหม่ต้องทำหน้าที่ตัวรับอิสระตลอดการแข่งขันนัดนั้น
20.3.3.2 ถ้ามีการแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่ต้องบันทึกหมายเลขของผู้เล่นนั้นลงในช่องหมายเหตุของใบบันทึก
การแข่งขันและในส่งตำแหน่งของเซตถัดไป
กติกาการเล่นข้อที่ 21 ความประพฤติที่ต้องการ (REQUIREMENTS OF CONDUCT)
21.1 ความประพฤติของผู้มีน้ำใจนักกีฬา (SPORTMEN LIKE CONDUCT)
21.1.1 ผู้ร่วมแข่งขันต้องมีความรู้เรื่อง “กติกาการแข่งขัน” และปฏิบัติตามกติกาที่กำหนด
21.1.2 ผู้ร่วมการแข่งขันต้องยอมรับการตัดสินของผู้ตัดสินโดยไม่มีการโต้แย้งด้วยความประพฤติของผู้มีน้ำใจนักกีฬา
หากมีข้อสงสัยสามารถขอคำชี้แจ้งจากผู้ตัดสินได้โดยการให้หัวหน้าทีมในสนาม(GAME CAPTAIN) เป็นผู้คำชี้แจ้ง
21.1.3 ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องละเว้นการแสดงท่าทางหรือทัศนคติใด ๆที่มุ่งหมายให้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ตัดสินหรือปกปิดการทำผิดกติกาของทีมตนเอง
21.2 การเล่นที่ยุติธรรม (FAIR PLAY)
21.2.1 ผู้ร่วมการแข่งขันต้องแสดงความนับถือและความเอื้อเฟื้อทั้งต่อผู้ตัดสินเจ้าหน้าที่อื่น ๆ คู่แข่งขัน เพื่อร่วมทีมและผู้ชมเพื่อมุ่งให้การแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม
21.2.2 ระหว่างการแข่งขันเพื่อนร่วมทีมสามารถให้คำแนะนำได้
21.1.1 ผู้ร่วมแข่งขันต้องมีความรู้เรื่อง “กติกาการแข่งขัน” และปฏิบัติตามกติกาที่กำหนด
21.1.2 ผู้ร่วมการแข่งขันต้องยอมรับการตัดสินของผู้ตัดสินโดยไม่มีการโต้แย้งด้วยความประพฤติของผู้มีน้ำใจนักกีฬา
หากมีข้อสงสัยสามารถขอคำชี้แจ้งจากผู้ตัดสินได้โดยการให้หัวหน้าทีมในสนาม(GAME CAPTAIN) เป็นผู้คำชี้แจ้ง
21.1.3 ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องละเว้นการแสดงท่าทางหรือทัศนคติใด ๆที่มุ่งหมายให้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ตัดสินหรือปกปิดการทำผิดกติกาของทีมตนเอง
21.2 การเล่นที่ยุติธรรม (FAIR PLAY)
21.2.1 ผู้ร่วมการแข่งขันต้องแสดงความนับถือและความเอื้อเฟื้อทั้งต่อผู้ตัดสินเจ้าหน้าที่อื่น ๆ คู่แข่งขัน เพื่อร่วมทีมและผู้ชมเพื่อมุ่งให้การแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม
21.2.2 ระหว่างการแข่งขันเพื่อนร่วมทีมสามารถให้คำแนะนำได้
กติกาการเล่นข้อที่ 22 การผิดมารยาทและการลงโทษ
22.1 การผิดมารยาทที่ไม่รุนแรง (MINOR MISCONDUCT)
การผิดมารยาทที่ไม่รุนแรง ไม่ต้องมีการทำโทษ ผู้ตัดสินที่ 1 ต้องทำหน้าที่ป้องกันทีมไม่ให้ผิดมารยาทจนใกล้ระดับของการถูกทำโทษโดยการเตือนด้วยวาจาหรือสัญญาณมือต่อผู้ที่ทำผิดมารยาทหรือต่อทีมผ่านทางหัวหน้าทีมขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN)การเตือนนี้ไม่ใช่การทำโทษไม่นับต่อเนื่องและไม่มีการบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขัน
22.2 การผิดมารยาทที่นำไปสู่การทำโทษ (MISCONDUCT LEADING TO SANCTION)
การทำผิดมารยาทของผู้เล่นต่อเจ้าหน้าที่ ทีมตรงข้ามเพื่อนรวมทีมหรือผู้ชม แบ่งได้เป็น 3 ระดับ ตามความหนักเบาของความรุนแรง
22.2.1 ความหยาบคาย ได้แก่ การกระทำใด ๆ ที่ไม่สุภาพไร้คุณธรรมและแสดงการดูหมิ่น
22.2.2 การก้าวร้าว ได้แก่ การสบประมาทใช้คำพูดหรือท่าทางเป็นการดูถูกเหยียดหยาม
22.2.3 การใช้ความรุนแรง ได้แก่การทำร้ายร่างกายหรือตั้งใจใช้ความรุนแรง
22.3 ระดับการลงโทษ (SANCTION SCALE)
การลงโทษที่นำมาใช้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ตัดสินและความรุนแรงของการกระทำและต้องบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขันมีดังนี้
22.3.1 การลงโทษ (PENALTY) การกระทำที่หยาบคายครั้งแรกในการแข่งขันโดยผู้เล่นคนใดคนหนึ่งของทีมจะถูกลงทาโดยเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น
22.3.2 การให้ออกจากการแข่งขันในเซตนั้น (EXPULSION)
22.3.2.1 ผู้เล่นซึ่งถูกลงโทษให้ออกจาการแข่งขันในเซตนั้นจะลงแข่งขันในเซตนั้นต่อไปอีกไม่ได้แต่ต้อง
นั่งอยู่ในพื้นที่ลงโทษ (PENALTY AREA) โดยไม่มีผลอื่นใดตามมาผู้ฝึกสอนที่ถูกให้ออกจากการแข่งขัน
ไม่มีสิทธิ์ทำหน้าที่ในเซตนั้นและต้องอยู่ในพื้นที่ลงโทษ
22.3.2.2 การแสดงความก้าวร้าว (OFFENSIVE CONDUCT) ครั้งแรก โดยผู้ร่วมทีมคนใดคนหนึ่ง จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันในเซตนั้นโดยไม่มีผลอื่นใดตามมา
22.3.2.3 การแสดงมารยาทหยาบคายครั้งที่ 2 ในการแข่งขันนัดนั้นโดยผู้เล่นคนเดียวกันจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันในนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใด ตามมา
22.3.3 การให้ออกจาการแข่งขันตลอกทั้งนัดนั้น (DISQUALIFICATION)
22.3.3.1 ผู้เล่นที่ถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดทั้งนัดนั้นต้องออกจากพื้นที่ควบคุมการแข่งขัน (CONPETITION CONTROL AREA) ในส่วนที่เหลืออยู่ของนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา
22.3.3.2 การใช้ความรุนแรงครั้งแรกจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดทั้งนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา
22.3.3.3 การแสดงความก้าวร้าวครั้งที่ 2 ในการแข่งขันนัดเดียวกันโดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลใดตามมา
22.3.3.4 การแสดงความหยาบคายครั้งที่ 3 โดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันที่เหลืออยู่ตลอดการแข่งขันนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา
22.4 การนำการทำโทษไปใช้ (APPLICATION OF MISCONDUCT SANCION)
22.4.1 การนำโทษผิดมารยาทเป็นการลงโทษรายบุคคลและมีผลตลอดการแข่งขันนัดนั้นแลละจะถูกบันทึกลงในใบบันทึกรายการแข่งขัน
22.4.2 การกระทำผิดมารยาทโดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันในการแข่งขันนัดเดียวกันจะถูกลงโทษรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ (ผู้กระทำผิดจะถูกทำโทษสูงขึ้นทุกครั้งที่มีการกระทำผิดมารยาทเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง)(ตารางระดับการลงโทษผิดมารยาท)
22.4.3 การให้ออกจากการแข่งขันเซตนั้น (EXPULSION) ออกจาการแข่งขันนัดนั้น(DISQUALIFICATION) ทำได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมีการทำโทษใด ๆ มาก่อนแต่ขึ้นอยู่กับการแสดงความก้าวร้าวหรือการใช้ความรุนแรง
22.5 การผิดมารยาทก่อนเริ่มต้นเซตและระหว่างเซต (MINCONDUCT BEFORE AND BETWEEN SET)
การผิดมารยาทที่เกิดขึ้นก่อนเริ่มต้นเซตหรือระหว่างเซตจะถูกลงโทษตามกติกาข้อ22.3 และมีผลในเซตถัดไป
22.6 บัตรแสดงการทำโทษ (SANCTION CARDS)
เตือน ด้วยปากหรือสัญญาณมือ ไม่ใช้บัตร
ทำโทษบัตรเหลือง
ออกจากการแข่งขันเซตนั้น บัตรแดง
ออกจาการแข่งขันนัดนั้นบัตรเหลืองแดง
การผิดมารยาทที่ไม่รุนแรง ไม่ต้องมีการทำโทษ ผู้ตัดสินที่ 1 ต้องทำหน้าที่ป้องกันทีมไม่ให้ผิดมารยาทจนใกล้ระดับของการถูกทำโทษโดยการเตือนด้วยวาจาหรือสัญญาณมือต่อผู้ที่ทำผิดมารยาทหรือต่อทีมผ่านทางหัวหน้าทีมขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN)การเตือนนี้ไม่ใช่การทำโทษไม่นับต่อเนื่องและไม่มีการบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขัน
22.2 การผิดมารยาทที่นำไปสู่การทำโทษ (MISCONDUCT LEADING TO SANCTION)
การทำผิดมารยาทของผู้เล่นต่อเจ้าหน้าที่ ทีมตรงข้ามเพื่อนรวมทีมหรือผู้ชม แบ่งได้เป็น 3 ระดับ ตามความหนักเบาของความรุนแรง
22.2.1 ความหยาบคาย ได้แก่ การกระทำใด ๆ ที่ไม่สุภาพไร้คุณธรรมและแสดงการดูหมิ่น
22.2.2 การก้าวร้าว ได้แก่ การสบประมาทใช้คำพูดหรือท่าทางเป็นการดูถูกเหยียดหยาม
22.2.3 การใช้ความรุนแรง ได้แก่การทำร้ายร่างกายหรือตั้งใจใช้ความรุนแรง
22.3 ระดับการลงโทษ (SANCTION SCALE)
การลงโทษที่นำมาใช้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ตัดสินและความรุนแรงของการกระทำและต้องบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขันมีดังนี้
22.3.1 การลงโทษ (PENALTY) การกระทำที่หยาบคายครั้งแรกในการแข่งขันโดยผู้เล่นคนใดคนหนึ่งของทีมจะถูกลงทาโดยเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น
22.3.2 การให้ออกจากการแข่งขันในเซตนั้น (EXPULSION)
22.3.2.1 ผู้เล่นซึ่งถูกลงโทษให้ออกจาการแข่งขันในเซตนั้นจะลงแข่งขันในเซตนั้นต่อไปอีกไม่ได้แต่ต้อง
นั่งอยู่ในพื้นที่ลงโทษ (PENALTY AREA) โดยไม่มีผลอื่นใดตามมาผู้ฝึกสอนที่ถูกให้ออกจากการแข่งขัน
ไม่มีสิทธิ์ทำหน้าที่ในเซตนั้นและต้องอยู่ในพื้นที่ลงโทษ
22.3.2.2 การแสดงความก้าวร้าว (OFFENSIVE CONDUCT) ครั้งแรก โดยผู้ร่วมทีมคนใดคนหนึ่ง จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันในเซตนั้นโดยไม่มีผลอื่นใดตามมา
22.3.2.3 การแสดงมารยาทหยาบคายครั้งที่ 2 ในการแข่งขันนัดนั้นโดยผู้เล่นคนเดียวกันจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันในนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใด ตามมา
22.3.3 การให้ออกจาการแข่งขันตลอกทั้งนัดนั้น (DISQUALIFICATION)
22.3.3.1 ผู้เล่นที่ถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดทั้งนัดนั้นต้องออกจากพื้นที่ควบคุมการแข่งขัน (CONPETITION CONTROL AREA) ในส่วนที่เหลืออยู่ของนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา
22.3.3.2 การใช้ความรุนแรงครั้งแรกจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดทั้งนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา
22.3.3.3 การแสดงความก้าวร้าวครั้งที่ 2 ในการแข่งขันนัดเดียวกันโดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลใดตามมา
22.3.3.4 การแสดงความหยาบคายครั้งที่ 3 โดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันที่เหลืออยู่ตลอดการแข่งขันนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา
22.4 การนำการทำโทษไปใช้ (APPLICATION OF MISCONDUCT SANCION)
22.4.1 การนำโทษผิดมารยาทเป็นการลงโทษรายบุคคลและมีผลตลอดการแข่งขันนัดนั้นแลละจะถูกบันทึกลงในใบบันทึกรายการแข่งขัน
22.4.2 การกระทำผิดมารยาทโดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันในการแข่งขันนัดเดียวกันจะถูกลงโทษรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ (ผู้กระทำผิดจะถูกทำโทษสูงขึ้นทุกครั้งที่มีการกระทำผิดมารยาทเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง)(ตารางระดับการลงโทษผิดมารยาท)
22.4.3 การให้ออกจากการแข่งขันเซตนั้น (EXPULSION) ออกจาการแข่งขันนัดนั้น(DISQUALIFICATION) ทำได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมีการทำโทษใด ๆ มาก่อนแต่ขึ้นอยู่กับการแสดงความก้าวร้าวหรือการใช้ความรุนแรง
22.5 การผิดมารยาทก่อนเริ่มต้นเซตและระหว่างเซต (MINCONDUCT BEFORE AND BETWEEN SET)
การผิดมารยาทที่เกิดขึ้นก่อนเริ่มต้นเซตหรือระหว่างเซตจะถูกลงโทษตามกติกาข้อ22.3 และมีผลในเซตถัดไป
22.6 บัตรแสดงการทำโทษ (SANCTION CARDS)
เตือน ด้วยปากหรือสัญญาณมือ ไม่ใช้บัตร
ทำโทษบัตรเหลือง
ออกจากการแข่งขันเซตนั้น บัตรแดง
ออกจาการแข่งขันนัดนั้นบัตรเหลืองแดง
กติกาการเล่นข้อที่ 23 ฝ่ายทำหน้าที่ในการตัดสินและขั้นตอนการปฏิบัติ
23.1 องค์ประกอบ (COMPOSITION)
ฝ่ายทำหน้าที่ในการตัดสินแต่ละนัดประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ต่อไปนี้
- ผู้ตัดสินที่ 1
- ผู้ตัดสินที่ 2
- ผู้บันทึก
- ผู้กำกับเส้น 4 คน (หรือ 2 คน)
ตำแหน่งในสนามของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแสดงไว้ในภาพที่ 1 สำหรับการแข่งขันในระดับโลกของสหพันธ์
วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการต้องมีผู้ช่วยผู้บันทึกการแข่งขันด้วย
23.2 ขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ (PROCEDURES)
23.2.1 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 เท่านั้นที่สามารถเป่านกหวีดระหว่างการแข่งขันได้
23.2.1.1 ผู้ตัดสินที่ 1 ให้สัญญาณการเสิร์ฟเพื่อเริ่มการเล่น
23.2.1.2 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 จะเป่านกหวีดให้สัญญาณเสร็จสิ้นการเล่นลูกเมื่อแน่ใจว่ามีการทำผิดกติกาเกิดขึ้นและต้องแสดงลักษณะการกระทำผิดนั้น
23.2.2 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 จะเป่านกหวีดเมื่อลูกตายเพื่อแสดงว่าจะอนุญาตหรือปฏิเสธการขอหยุดเล่นของทีม
23.2.3 ทีนทีหลังจากการเป่านกหวีดให้สัญญาณเสร็จสิ้นการเล่นลูกผู้ตัดสินต้องแสดงสัญญาณมือ
23.2.3.1 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 เป่านกหวีดระบุการกระทำผิด ผู้ตัดสินที่ 1 จะแสดง
ก. ทีมที่ทำการเสิร์ฟ
ข.ลักษณะการกระทำผิด
ค. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)
ผู้ตัดสินที่ 2 จะทำซ้ำตามผู้ตัดสินที่ 1
23.2.3.2 ถ้าผู้ตัดสินที่ 0 เป่านกหวีดแสดงการกระทำผิดผู้ตัดสินที่ 2 จะแสดง
ก. ลักษณะการกระทำผิด
ข. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)
ค. ทีมที่จะทำการเสิร์ฟตามสัญญาณมือของผู้ตัดสินที่ 1ในกรณีนี้ผู้ตัดสินที่ 1 จะไม่แสดงลักษณะของการกระทำผิดและผู้กระทำผิดแต่จะแสดงเฉพาะทีมที่จะทำการเสิร์ฟเท่านั้น
23.2.3.3 ถ้าทั้ง 2 ทีมกระทำผิดกติกาทั้งคู่ (DOUBLE FAULTS) ผู้ตัดสินทั้ง 2 จะแสดง
ก.ลักษณะของการกระทำผิด
ข. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)
ค. ทีมที่ทำการเสิร์ฟซึ่งชี้นำโดยผู้ตัดสินที่ 1
ฝ่ายทำหน้าที่ในการตัดสินแต่ละนัดประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ต่อไปนี้
- ผู้ตัดสินที่ 1
- ผู้ตัดสินที่ 2
- ผู้บันทึก
- ผู้กำกับเส้น 4 คน (หรือ 2 คน)
ตำแหน่งในสนามของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแสดงไว้ในภาพที่ 1 สำหรับการแข่งขันในระดับโลกของสหพันธ์
วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการต้องมีผู้ช่วยผู้บันทึกการแข่งขันด้วย
23.2 ขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ (PROCEDURES)
23.2.1 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 เท่านั้นที่สามารถเป่านกหวีดระหว่างการแข่งขันได้
23.2.1.1 ผู้ตัดสินที่ 1 ให้สัญญาณการเสิร์ฟเพื่อเริ่มการเล่น
23.2.1.2 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 จะเป่านกหวีดให้สัญญาณเสร็จสิ้นการเล่นลูกเมื่อแน่ใจว่ามีการทำผิดกติกาเกิดขึ้นและต้องแสดงลักษณะการกระทำผิดนั้น
23.2.2 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 จะเป่านกหวีดเมื่อลูกตายเพื่อแสดงว่าจะอนุญาตหรือปฏิเสธการขอหยุดเล่นของทีม
23.2.3 ทีนทีหลังจากการเป่านกหวีดให้สัญญาณเสร็จสิ้นการเล่นลูกผู้ตัดสินต้องแสดงสัญญาณมือ
23.2.3.1 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 เป่านกหวีดระบุการกระทำผิด ผู้ตัดสินที่ 1 จะแสดง
ก. ทีมที่ทำการเสิร์ฟ
ข.ลักษณะการกระทำผิด
ค. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)
ผู้ตัดสินที่ 2 จะทำซ้ำตามผู้ตัดสินที่ 1
23.2.3.2 ถ้าผู้ตัดสินที่ 0 เป่านกหวีดแสดงการกระทำผิดผู้ตัดสินที่ 2 จะแสดง
ก. ลักษณะการกระทำผิด
ข. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)
ค. ทีมที่จะทำการเสิร์ฟตามสัญญาณมือของผู้ตัดสินที่ 1ในกรณีนี้ผู้ตัดสินที่ 1 จะไม่แสดงลักษณะของการกระทำผิดและผู้กระทำผิดแต่จะแสดงเฉพาะทีมที่จะทำการเสิร์ฟเท่านั้น
23.2.3.3 ถ้าทั้ง 2 ทีมกระทำผิดกติกาทั้งคู่ (DOUBLE FAULTS) ผู้ตัดสินทั้ง 2 จะแสดง
ก.ลักษณะของการกระทำผิด
ข. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)
ค. ทีมที่ทำการเสิร์ฟซึ่งชี้นำโดยผู้ตัดสินที่ 1
กติกาการเล่นข้อที่ 24. ผู้ตัดสินที่ 1 (FRIST REFEREE)
24.1 ตำแหน่ง (Location)
ผู้ตัดสินที่ 1 ทำหน้าที่โดยนั่งหรือยืนบนม้าที่ตั้งไว้ปลายสุดด้านหนึ่งของตาข่ายระดับสายตาต้องสูงกว่าขอบบนสุดของตาข่ายประมาณ 50 เซนติเมตร (รูปที่ 1 ก, 2 ข, 10)
24.2 อำนาจหน้าที่ (AUTHORITY)
24.2.1 ต้องควบคุมการแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้นสิ้นสุดการแข่งขันมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่และผู้ร่วมทีมทั้ง 2 ทีม ระหว่างการแข่งขันการตัดสินใจของผู้ตัดสินที่ 1 ถือเป็นสิ้นสุดมีอำนาจกลับคำตัดสินของเจ้าหน้าที่ทุกคน เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่นั้นผิดพลาดมีอำนาจเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งเห็นว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสมได้
24.2.2 ต้องควบคุมการทำงานของผู้กลิ้งบอล ผู้เช็ดพื้น (FLOOR WRERS) และผู้ถูกพื้น (MOPPERS)
24.2.3 มีอำนาจตัดสินใจไม่ว่าเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันรวมถึงเรื่องที่ไม่มีในกติกาด้วย
24.2.4 ไม่ยอมให้มีการโต้แย้งใด ๆในการตัดสินอย่างไรก็ตาม ถ้าหัวหน้าทีมในสนามขอคำชี้แจง ผู้ตัดสินที่ 1 จะให้คำอธิบายการนำกติกามาใช้หรือตีความกติกา ซึ่งนำมาใช้ในการตัดสินนั้นถ้าหัวหน้าทีมในสนามไม่เห็นด้วย
กับคำอธิบายของผู้ตัดสินที่ 1 และต้องการสงวนสิทธิยื่นหนังสือประท้วงเหตุการณ์นั้นอย่างเป็นทางการเมื่อเสร็จ
สิ้นการแข่งขัน หัวหน้าทีมในสนามต้องขอสงวนสิทธิทันทีและผู้ตัดสินที่ 1 ต้องยินยอมรับการประท้วงนั้น
24.2.5 รับผิดชอบการตัดสินใจก่อนหรือระหว่างการแข่งขันว่า พื้นที่เล่นลูก อุปกรณ์และสภาพใดๆ พร้อมทำการแข่งขันได้
24.3 ความรับผิดชอบ (RESPONSIBILITIES)
24.3.1 ก่อนการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 :
24.3.1.1 ตรวจสภาพสนามแข่งขัน ลูกบอลและอุปกรณ์อื่น ๆ (บทที่ 1)
24.3.1.2 ทำการเสี่ยงร่วมกับหัวหน้าทีมทั้ง 2
24.3.1.3 ควบคุมการอบอุ่นร่างกายของทีม
24.3.2 ระหว่างการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 เท่านั้นที่มีอำนาจ
24.3.2.1 ตักเตือนทีม
24.3.2.2 ทำโทษการผิดมารยาทและการถ่วง
24.3.2.3 ตัดสินใจเรื่อง
ก. การผิดกติกาของผู้เสิร์ฟ ตำแหน่งของทีที่จะทำการเสิร์ฟรวมทั้งการกำบังด้วย ข. การผิดกติกาในการเล่นลูก ค.การผิดกติกาเหนือตาข่ายและส่วนที่สูงขึ้นไปของตาข่าย ง.การตบลูกบอลของผู้เล่นแดนหลังหรือตัวรับอิสระ จ.การตบลูกที่ตัวรับอิสระส่งมาให้ด้วยมือบน (SET) ในขณะที่อยู่ในแดนหน้า ฉ.ลูกบอลที่ข้ามแดนใต้ตาข่าย (กติกาข้อ 9.4..5)
24.3.3 เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ต้องตรวจสอบและลงนามในโดยบันทึกการแข่งขัน
ผู้ตัดสินที่ 1 ทำหน้าที่โดยนั่งหรือยืนบนม้าที่ตั้งไว้ปลายสุดด้านหนึ่งของตาข่ายระดับสายตาต้องสูงกว่าขอบบนสุดของตาข่ายประมาณ 50 เซนติเมตร (รูปที่ 1 ก, 2 ข, 10)
24.2 อำนาจหน้าที่ (AUTHORITY)
24.2.1 ต้องควบคุมการแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้นสิ้นสุดการแข่งขันมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่และผู้ร่วมทีมทั้ง 2 ทีม ระหว่างการแข่งขันการตัดสินใจของผู้ตัดสินที่ 1 ถือเป็นสิ้นสุดมีอำนาจกลับคำตัดสินของเจ้าหน้าที่ทุกคน เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่นั้นผิดพลาดมีอำนาจเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งเห็นว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสมได้
24.2.2 ต้องควบคุมการทำงานของผู้กลิ้งบอล ผู้เช็ดพื้น (FLOOR WRERS) และผู้ถูกพื้น (MOPPERS)
24.2.3 มีอำนาจตัดสินใจไม่ว่าเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันรวมถึงเรื่องที่ไม่มีในกติกาด้วย
24.2.4 ไม่ยอมให้มีการโต้แย้งใด ๆในการตัดสินอย่างไรก็ตาม ถ้าหัวหน้าทีมในสนามขอคำชี้แจง ผู้ตัดสินที่ 1 จะให้คำอธิบายการนำกติกามาใช้หรือตีความกติกา ซึ่งนำมาใช้ในการตัดสินนั้นถ้าหัวหน้าทีมในสนามไม่เห็นด้วย
กับคำอธิบายของผู้ตัดสินที่ 1 และต้องการสงวนสิทธิยื่นหนังสือประท้วงเหตุการณ์นั้นอย่างเป็นทางการเมื่อเสร็จ
สิ้นการแข่งขัน หัวหน้าทีมในสนามต้องขอสงวนสิทธิทันทีและผู้ตัดสินที่ 1 ต้องยินยอมรับการประท้วงนั้น
24.2.5 รับผิดชอบการตัดสินใจก่อนหรือระหว่างการแข่งขันว่า พื้นที่เล่นลูก อุปกรณ์และสภาพใดๆ พร้อมทำการแข่งขันได้
24.3 ความรับผิดชอบ (RESPONSIBILITIES)
24.3.1 ก่อนการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 :
24.3.1.1 ตรวจสภาพสนามแข่งขัน ลูกบอลและอุปกรณ์อื่น ๆ (บทที่ 1)
24.3.1.2 ทำการเสี่ยงร่วมกับหัวหน้าทีมทั้ง 2
24.3.1.3 ควบคุมการอบอุ่นร่างกายของทีม
24.3.2 ระหว่างการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 เท่านั้นที่มีอำนาจ
24.3.2.1 ตักเตือนทีม
24.3.2.2 ทำโทษการผิดมารยาทและการถ่วง
24.3.2.3 ตัดสินใจเรื่อง
ก. การผิดกติกาของผู้เสิร์ฟ ตำแหน่งของทีที่จะทำการเสิร์ฟรวมทั้งการกำบังด้วย ข. การผิดกติกาในการเล่นลูก ค.การผิดกติกาเหนือตาข่ายและส่วนที่สูงขึ้นไปของตาข่าย ง.การตบลูกบอลของผู้เล่นแดนหลังหรือตัวรับอิสระ จ.การตบลูกที่ตัวรับอิสระส่งมาให้ด้วยมือบน (SET) ในขณะที่อยู่ในแดนหน้า ฉ.ลูกบอลที่ข้ามแดนใต้ตาข่าย (กติกาข้อ 9.4..5)
24.3.3 เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ต้องตรวจสอบและลงนามในโดยบันทึกการแข่งขัน
กติกาการเล่นข้อที่ 25. ผู้ตัดสินที่ 2 (SECOND REFEREE)
25.1 ตำแหน่ง (LOCATION)
ผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยยินใกล้เสานอกเขตสนามด้านตรงข้ามกับผู้ตัดสินที่ 1 แต่หันหน้าเข้าหากัน
25.2 อำนาจ (AUTHORITY)
25.2.1 เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แต่มีขอบเขตในการตัดสินเป็นของตนเองด้วย
ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ผู้ตัดสินที่ 2 จะทำหน้าที่แทน
25.2.2 ให้สัญญาณมือแสดงการผิดกติกาที่นอกเหนืออำนาจการตัดสินที่ 2 โดยไม่เป่านกหวีด แต่ต้องไม่เน้นเตือนการกระทำผิดนั้นต่อผู้ตัดสินที่ 1
25.2.3 ควบคุมการทำงานของผู้บันทึกการแข่งขัน
25.2.4 ควบคุมผู้ร่วมทีมที่นั่งบนม้านั่ง และรายงานการผลิตมารยาทของผู้ร่วมทีมเหล่านี้ต่อผู้ตัดสินที่ 1
25.2.5 ควบคุมผู้เล่นในเขตอบอุ่นร่างกาย
25.2.6 อนุญาตให้หยุดการแข่งขัน ควบคุมเวลาและปฏิเสธการขอหยุดการ แข่งขันที่ไม่เหมาะสม
25.2.7 ควบคุมจำนวนครั้งที่แต่ละทีมขอเวลานอกและขอเปลี่ยนตัวและต้องรายงานการขอเวลานอกครั้งที่ 2 และขอเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ครั้งที่ 5 และ 6 ให้ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ฝึกสอนที่เกี่ยวข้องทราบ
25.2.8 กรณีที่ผู้เล่นบาดเจ็บ มีอำนาจให้ทำการเปลี่ยนตัวตามข้อยกเว้น หรืออนุญาตให้ทำการรักษาพยาบาล 3 นาทีก็ได้
25.2.9 ตรวจสภาพพื้นสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตรุกระหว่างการแข่งขันต้องตรวจลูกบอลว่า คงสภาพถูกต้องสมบูรณ์ตามระเบียบการแข่งขันด้วย
25.2.10 ควบคุมผู้ร่วมทีมในพื้นที่ลงโทษ และรายงานการผิดมารยาทให้ผู้ตัดสินที่ 1 ทราบ
25.3 ความรับผิดชอบ (RESPONSIBILITY)
25.3.1 ตรวจตำแหน่งที่ถูกต้องของผู้เล่นในสนามให้เป็นไปตามใบส่งตำแหน่งก่อนเริ่มต้นเล่นแต่ละเซต และเมื่อจำเป็นจะตรวจสอบตำแหน่งของผู้เล่นในสนามขณะนั้น ตามใบส่งตำแหน่ง
25.3.2 ต้องตัดสินใจ เป่านกหวีดและแสดงสัญญาณมือระหว่างการแข่งขันดังนี้
25.3.2.1 การล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามและที่ว่างให้ตาข่าย 25.3.2.2 ฝ่ายรับลูกเสิร์ฟผิดตำแหน่ง
25.3.2.3 ผู้เล่นถูกตาข่ายและเสาอากาศทางด้านข้างของสนามที่ผู้ตัดสินที่ 2 ยืนอยู่
25.3.2.4 การสกัดกั้นที่ผิดกติกาของผู้เล่นแดนหลัง หรือการพยายามทำการสกัดกั้นโดยตัวรับอิสระ
25.3.2.5 ลูกบอลถูกสิ่งของนอกสนามหรือถูกพื้นสนามในขณะที่ผู้ตัดสินที่ 1 อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้
25.3.3 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันต้องลงชื่อในใบบันทึกการ
ผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยยินใกล้เสานอกเขตสนามด้านตรงข้ามกับผู้ตัดสินที่ 1 แต่หันหน้าเข้าหากัน
25.2 อำนาจ (AUTHORITY)
25.2.1 เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แต่มีขอบเขตในการตัดสินเป็นของตนเองด้วย
ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ผู้ตัดสินที่ 2 จะทำหน้าที่แทน
25.2.2 ให้สัญญาณมือแสดงการผิดกติกาที่นอกเหนืออำนาจการตัดสินที่ 2 โดยไม่เป่านกหวีด แต่ต้องไม่เน้นเตือนการกระทำผิดนั้นต่อผู้ตัดสินที่ 1
25.2.3 ควบคุมการทำงานของผู้บันทึกการแข่งขัน
25.2.4 ควบคุมผู้ร่วมทีมที่นั่งบนม้านั่ง และรายงานการผลิตมารยาทของผู้ร่วมทีมเหล่านี้ต่อผู้ตัดสินที่ 1
25.2.5 ควบคุมผู้เล่นในเขตอบอุ่นร่างกาย
25.2.6 อนุญาตให้หยุดการแข่งขัน ควบคุมเวลาและปฏิเสธการขอหยุดการ แข่งขันที่ไม่เหมาะสม
25.2.7 ควบคุมจำนวนครั้งที่แต่ละทีมขอเวลานอกและขอเปลี่ยนตัวและต้องรายงานการขอเวลานอกครั้งที่ 2 และขอเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ครั้งที่ 5 และ 6 ให้ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ฝึกสอนที่เกี่ยวข้องทราบ
25.2.8 กรณีที่ผู้เล่นบาดเจ็บ มีอำนาจให้ทำการเปลี่ยนตัวตามข้อยกเว้น หรืออนุญาตให้ทำการรักษาพยาบาล 3 นาทีก็ได้
25.2.9 ตรวจสภาพพื้นสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตรุกระหว่างการแข่งขันต้องตรวจลูกบอลว่า คงสภาพถูกต้องสมบูรณ์ตามระเบียบการแข่งขันด้วย
25.2.10 ควบคุมผู้ร่วมทีมในพื้นที่ลงโทษ และรายงานการผิดมารยาทให้ผู้ตัดสินที่ 1 ทราบ
25.3 ความรับผิดชอบ (RESPONSIBILITY)
25.3.1 ตรวจตำแหน่งที่ถูกต้องของผู้เล่นในสนามให้เป็นไปตามใบส่งตำแหน่งก่อนเริ่มต้นเล่นแต่ละเซต และเมื่อจำเป็นจะตรวจสอบตำแหน่งของผู้เล่นในสนามขณะนั้น ตามใบส่งตำแหน่ง
25.3.2 ต้องตัดสินใจ เป่านกหวีดและแสดงสัญญาณมือระหว่างการแข่งขันดังนี้
25.3.2.1 การล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามและที่ว่างให้ตาข่าย 25.3.2.2 ฝ่ายรับลูกเสิร์ฟผิดตำแหน่ง
25.3.2.3 ผู้เล่นถูกตาข่ายและเสาอากาศทางด้านข้างของสนามที่ผู้ตัดสินที่ 2 ยืนอยู่
25.3.2.4 การสกัดกั้นที่ผิดกติกาของผู้เล่นแดนหลัง หรือการพยายามทำการสกัดกั้นโดยตัวรับอิสระ
25.3.2.5 ลูกบอลถูกสิ่งของนอกสนามหรือถูกพื้นสนามในขณะที่ผู้ตัดสินที่ 1 อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้
25.3.3 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันต้องลงชื่อในใบบันทึกการ
กติกาการเล่นข้อที่ 26 ผู้บันทึก (SCORER)
26.1 ตำแหน่ง (LOCATION)
ผู้บันทึกจะนั่งทำหน้าที่ณ โต๊ะบันทึกการแข่งขันที่อยู่คนละดานของสนามกับผู้ตัดสินที่ 1 แต่หันหน้าเข้าหากัน
26.2 ความรับผิดชอบ (RESPPONSIBILITIES)
บันทึกผลการแข่งขันตามกติกาการแข่งขันและร่วมมือกับผู้ตัดสินที่ 2 ต้องกดกริ่งหรืออุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียง
เป็นสัญญาณแจ้งผู้ตัดสินเมื่อมีเรื่องต้องรับผิดชอบเกิดขึ้น
26.2.1 ก่อนเริ่มการแข่งขันแต่ละนัดและแต่ละเซต ผู้บันทึกต้อง
26.2.1.1 บันทึกข้อมูลการแข่งขันและของทีมตามขั้นตอนการปฏิบัติงานและต้องให้หัวหน้าทีมและผู้ฝึกสอน
ทั้งสองทีมลงนาม
26.2.1.2 บันทึกตำแหน่งเริ่มต้นเล่นของแต่ละทีมจากใบส่งตำแหน่ง ถ้าไม่ได้รับใบส่งตำแหน่งถ้าไม่ได้รับใบส่ง
ตำแหน่งตามเวลาที่ควรได้รับจะต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินที่ 2 ทราบทันที
26.2.1.3 บันทึกหมายเลขและชื่อของตัวรับอิสระ
26.2.2 ระหว่างการแข่งขัน ผู้บันทึกต้อง
22.2.2.1 บันทึกคะแนนที่ได้และต้องแน่ใจว่าป้ายคะแนนแสดงคะแนนที่ถูกต้อง
26.2.2.2 ควบคุมลำดับการส่งตำแหน่งหากมีการผิดตำแหน่งเมื่อใดต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบทันทีหลัง
จากทำการเสิร์ฟแล้ว
26.2.2.3 บันทึกการขอเวลานอกและการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ควบคุมจำนวนครั้งและแจ้งให้ผู้ตัดสินที่ 2 ทราบ
26.2.2.4 ถ้าการขอหยุดการแข่งขันผิดกติกาต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ
26.2.2.5 แจ้งการเสร็จสิ้นของแต่ละเซตการเริ่มต้นและการสิ้นสุดของเวลานอกทางเทคนิคแต่ละครั้ง และคะแนนที่ 8 ในเซตตัดสินให้ผู้ตัดสินทราบ
26.2.2.6 บันทึกการลงโทษทุกอย่างที่เกิดขึ้น
26.2.2.7 บันทึกเหตุการณ์อื่น ๆที่ผู้ตัดสินที่ 2 แจ้ง เช่น การเปลี่ยนตัวที่ได้รับการยกเว้นเวลาที่เริ่มการแข่งขันใหม่ การยึดเวลาหยุดการแข่งขัน การมีเหตุขัดขวางจากภายนอกเป็นต้น
26.2.3 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละนัด ผู้บันทึกต้อง
26.2.3.1 บันทึกผลสิ้นสุดของการแข่งขัน
26.2.3.2 หากมรการประท้วงผู้ตัดสินที่ 1 อนุญาตไว้แล้วต้องเขียนหรืออนุญาตให้หัวหน้าทีมแจ้งเหตุของการประท้วงลงในใบบันทึก
26.2.3.3 หลังจากลงนามในใบบันทึกแล้ว ต้องให้หัวหน้าทีมและผู้ตัดสินลงนามตามลำดับ
ผู้บันทึกจะนั่งทำหน้าที่ณ โต๊ะบันทึกการแข่งขันที่อยู่คนละดานของสนามกับผู้ตัดสินที่ 1 แต่หันหน้าเข้าหากัน
26.2 ความรับผิดชอบ (RESPPONSIBILITIES)
บันทึกผลการแข่งขันตามกติกาการแข่งขันและร่วมมือกับผู้ตัดสินที่ 2 ต้องกดกริ่งหรืออุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียง
เป็นสัญญาณแจ้งผู้ตัดสินเมื่อมีเรื่องต้องรับผิดชอบเกิดขึ้น
26.2.1 ก่อนเริ่มการแข่งขันแต่ละนัดและแต่ละเซต ผู้บันทึกต้อง
26.2.1.1 บันทึกข้อมูลการแข่งขันและของทีมตามขั้นตอนการปฏิบัติงานและต้องให้หัวหน้าทีมและผู้ฝึกสอน
ทั้งสองทีมลงนาม
26.2.1.2 บันทึกตำแหน่งเริ่มต้นเล่นของแต่ละทีมจากใบส่งตำแหน่ง ถ้าไม่ได้รับใบส่งตำแหน่งถ้าไม่ได้รับใบส่ง
ตำแหน่งตามเวลาที่ควรได้รับจะต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินที่ 2 ทราบทันที
26.2.1.3 บันทึกหมายเลขและชื่อของตัวรับอิสระ
26.2.2 ระหว่างการแข่งขัน ผู้บันทึกต้อง
22.2.2.1 บันทึกคะแนนที่ได้และต้องแน่ใจว่าป้ายคะแนนแสดงคะแนนที่ถูกต้อง
26.2.2.2 ควบคุมลำดับการส่งตำแหน่งหากมีการผิดตำแหน่งเมื่อใดต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบทันทีหลัง
จากทำการเสิร์ฟแล้ว
26.2.2.3 บันทึกการขอเวลานอกและการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ควบคุมจำนวนครั้งและแจ้งให้ผู้ตัดสินที่ 2 ทราบ
26.2.2.4 ถ้าการขอหยุดการแข่งขันผิดกติกาต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ
26.2.2.5 แจ้งการเสร็จสิ้นของแต่ละเซตการเริ่มต้นและการสิ้นสุดของเวลานอกทางเทคนิคแต่ละครั้ง และคะแนนที่ 8 ในเซตตัดสินให้ผู้ตัดสินทราบ
26.2.2.6 บันทึกการลงโทษทุกอย่างที่เกิดขึ้น
26.2.2.7 บันทึกเหตุการณ์อื่น ๆที่ผู้ตัดสินที่ 2 แจ้ง เช่น การเปลี่ยนตัวที่ได้รับการยกเว้นเวลาที่เริ่มการแข่งขันใหม่ การยึดเวลาหยุดการแข่งขัน การมีเหตุขัดขวางจากภายนอกเป็นต้น
26.2.3 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละนัด ผู้บันทึกต้อง
26.2.3.1 บันทึกผลสิ้นสุดของการแข่งขัน
26.2.3.2 หากมรการประท้วงผู้ตัดสินที่ 1 อนุญาตไว้แล้วต้องเขียนหรืออนุญาตให้หัวหน้าทีมแจ้งเหตุของการประท้วงลงในใบบันทึก
26.2.3.3 หลังจากลงนามในใบบันทึกแล้ว ต้องให้หัวหน้าทีมและผู้ตัดสินลงนามตามลำดับ
กติกาการเล่นข้อที่ 27 ผู้กำกับเส้น (LINE JUDGES)
27.1 ตำแหน่ง (LOCATION)
ถ้าใช้ผู้กำกับเส้น 2 คนจะยืนเป็นแนวเฉียงใกล้กับทางขวามือของผู้ตัดสิน แต่ละคนห่างจากมุมสนาม 1 - 2 เมตร ผู้กำกับเส้นทั้งสองจะควบคุมทั้งเส้นหลังและเส้นข้างทางด้านของตนเองสำหรับการแข่งขันระดับโลกของ
สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการต้องมีผู้กำกับเส้น 4 คน ผู้กำกับเส้นจะยืนในเขต
รอบสนามห่างจากมุมสนามแต่ละมุม 1 - 3 เมตร ตามแนวทางสมมติที่ต่อออกไปของเส้นที่แต่ละคนควบคุมอยู่
27.2 ความรับผิดชอบ (RESPONAIBILITIES)
27.2.1 ผู้กำกับเส้นปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ธงขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ดังที่แสดงในรูปการให้สัญญาณ
27.2.1.1 ให้สัญญาณลูก "ดี" ลูก "ออก"เมื่อลูกบอลตกลงบนพื้นสใกล้เส้นของแต่ละคน
27.2.1.2 ให้สัญญาณว่าลูกถูกผู้เล่นของทีมที่เป็นฝ่ายรับแล้วลูกออกสนาม
27.2.1.3 ให้สัญญาณเมื่อลูกบอลถูกเสาอากาศหรือลูกบอลทีเสิร์ฟข้ามตาข่ายนอกเขตที่กำหนดให้ข้ามตาข่ายเป็นต้น
27.2.1.4 ให้สัญญาณถ้าผู้เล่นเหยียบนอกเขตสนามของตนเองขณะทำการเสิร์ฟ(ยกเว้นผู้เสิร์ฟเท่านั้น)
27.2.1.5 ให้สัญญาณเมื่อเท้าของผู้เสิร์ฟผิดกติกา
27.2.1.6 ให้สัญญาณเมื่อผู้เล่นถูกเสาอากาศขณะอยู่ในลักษณะเล่นลูกบอลหรือกีดขวางการเล่นลูกด้านสนาม
แข่งขันที่รับผิดชอบ
27.2.1.7 ให้สัญญาณลูกข้ามตาข่ายนอกเขตข้ามตาข่ายไปยังแดนของทีมตรงข้ามหรือถูกเสาอากาศทางด้านสนาม
แข่งขันที่รับผิดชอบ
27.2.2 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 ร้องขอ ผู้กำกับเส้นต้องแสดงสัญญาณซ้ำ
ถ้าใช้ผู้กำกับเส้น 2 คนจะยืนเป็นแนวเฉียงใกล้กับทางขวามือของผู้ตัดสิน แต่ละคนห่างจากมุมสนาม 1 - 2 เมตร ผู้กำกับเส้นทั้งสองจะควบคุมทั้งเส้นหลังและเส้นข้างทางด้านของตนเองสำหรับการแข่งขันระดับโลกของ
สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการต้องมีผู้กำกับเส้น 4 คน ผู้กำกับเส้นจะยืนในเขต
รอบสนามห่างจากมุมสนามแต่ละมุม 1 - 3 เมตร ตามแนวทางสมมติที่ต่อออกไปของเส้นที่แต่ละคนควบคุมอยู่
27.2 ความรับผิดชอบ (RESPONAIBILITIES)
27.2.1 ผู้กำกับเส้นปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ธงขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ดังที่แสดงในรูปการให้สัญญาณ
27.2.1.1 ให้สัญญาณลูก "ดี" ลูก "ออก"เมื่อลูกบอลตกลงบนพื้นสใกล้เส้นของแต่ละคน
27.2.1.2 ให้สัญญาณว่าลูกถูกผู้เล่นของทีมที่เป็นฝ่ายรับแล้วลูกออกสนาม
27.2.1.3 ให้สัญญาณเมื่อลูกบอลถูกเสาอากาศหรือลูกบอลทีเสิร์ฟข้ามตาข่ายนอกเขตที่กำหนดให้ข้ามตาข่ายเป็นต้น
27.2.1.4 ให้สัญญาณถ้าผู้เล่นเหยียบนอกเขตสนามของตนเองขณะทำการเสิร์ฟ(ยกเว้นผู้เสิร์ฟเท่านั้น)
27.2.1.5 ให้สัญญาณเมื่อเท้าของผู้เสิร์ฟผิดกติกา
27.2.1.6 ให้สัญญาณเมื่อผู้เล่นถูกเสาอากาศขณะอยู่ในลักษณะเล่นลูกบอลหรือกีดขวางการเล่นลูกด้านสนาม
แข่งขันที่รับผิดชอบ
27.2.1.7 ให้สัญญาณลูกข้ามตาข่ายนอกเขตข้ามตาข่ายไปยังแดนของทีมตรงข้ามหรือถูกเสาอากาศทางด้านสนาม
แข่งขันที่รับผิดชอบ
27.2.2 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 ร้องขอ ผู้กำกับเส้นต้องแสดงสัญญาณซ้ำ
กติกาการเล่นข้อที่ 28 สัญญาณตามกติกาการแข่งขัน (OFFICIAL SIGNALS)
28.1 สัญญาณมือของผู้ตัดสิน (REFEREES' HAND SIGNALS)
ผู้ตัดสินต้องแสดงสัญญาณมือแสดงเหตุผลของการเป่านกหวีด (ที่เป่าเพื่อแสดงการกระทำผิด หรือเพื่อหยุดการแข่งขัน)
ต้องแสดงสัญญาณค้างไว้ชั่วขณะหนึ่งและถ้าแสดงสัญญาณด้วยมือข้างเดียวต้องใช้มือข้างเดียวกับทีมที่ทำผิดกติกา
หรือขอหยุดการแข่งขัน
28.2 สัญญาณธงของผู้กำกับเส้น (LINE JUDGES' FLAG SIGNALS)
ผู้กำกับเส้นต้องแสดงสัญญาณธงตามลักษณะของการทำผิดกติกาที่เกิดขึ้นและต้องค้างไว้ชั่วขณะหนึ่ง
ผู้ตัดสินต้องแสดงสัญญาณมือแสดงเหตุผลของการเป่านกหวีด (ที่เป่าเพื่อแสดงการกระทำผิด หรือเพื่อหยุดการแข่งขัน)
ต้องแสดงสัญญาณค้างไว้ชั่วขณะหนึ่งและถ้าแสดงสัญญาณด้วยมือข้างเดียวต้องใช้มือข้างเดียวกับทีมที่ทำผิดกติกา
หรือขอหยุดการแข่งขัน
28.2 สัญญาณธงของผู้กำกับเส้น (LINE JUDGES' FLAG SIGNALS)
ผู้กำกับเส้นต้องแสดงสัญญาณธงตามลักษณะของการทำผิดกติกาที่เกิดขึ้นและต้องค้างไว้ชั่วขณะหนึ่ง
สรุปกติกาโดยทั่วไป
๑.ถ้าลูกบอลทำให้ตาข่ายฉีกขาดหรือทำให้ตาข่ายหลุดให้ยกเลิกการเล่นลูกนั้นและให้เริ่มเล่นใหม่
๒.ผู้ที่รับลูกเสิร์ฟจากฝ่ายตรงข้าม จะทำการสกัดกั้นหรือตบลูกบอลไม่ได้
๓.แต่ละทีมจะขอเวลานอกได้ ๒ ครั้งต่อเซต
๔.เมื่อลูกบอลพุ่งไปถูกตาข่ายและเป็นเหตุให้ตาข่ายไปถูกฝ่ายตรงข้ามถือว่าไม่ผิดกติกา
๕.ผู้เล่นถูกตาข่าย ในกรณีที่มีการเล่นลูกในแถวหน้า ถือว่าผิดกติกา
๖.ผู้เล่นถูกลูกบอลในแดนของฝ่ายตรงข้ามก่อนหรือระหว่างการเล่นลูกบอลของฝ่ายตรงข้ามถือว่าผิดกติกา
๗.การเล่นลูกบอลคนเดียวติดต่อกันสองครั้ง เช่น ตั้งลูกเองแล้วตบลูกบอลถือว่ผิดกติกา
๘. หากฝ่ายรับบล็อกลูกบอลกลับไปถูกศีรษะของผู้ที่ตบลูกบอลมาแล้วลูกบอลเคลื่อนไปถูกเสาอากาศลักษณะนี้ถือว่าฝ่ายตบทำลูกบอลออกเพราะลูกบอลถูกเสาอากาศแล้ว
๙.ลูกบอลที่ข้ามแนวตาข่ายไปยังเขตรอบสนามของทีมตรงข้ามแล้วโดยบางส่วนหรือทุกส่วนของลูกบอล
อยู่ภายนอกพื้นที่สำหรับข้ามตาข่ายอาจนำกลับมาเล่นได้อีก ถ้าผู้เล่นไม่ถูกด้านเดียวกันสนามฝ่ายตรงข้าม
จะกีดขวางการเล่นลูกนี้ไม่ได้
๑๐. ในเซตตัดสิน ทีมใดทำคะแนนได้ ๘คะแนน ให้ทำการเปลี่ยนแดนทันที และตำแหน่งของผู้เล่นให้เป็นไปเหมือนเดิม
๒.ผู้ที่รับลูกเสิร์ฟจากฝ่ายตรงข้าม จะทำการสกัดกั้นหรือตบลูกบอลไม่ได้
๓.แต่ละทีมจะขอเวลานอกได้ ๒ ครั้งต่อเซต
๔.เมื่อลูกบอลพุ่งไปถูกตาข่ายและเป็นเหตุให้ตาข่ายไปถูกฝ่ายตรงข้ามถือว่าไม่ผิดกติกา
๕.ผู้เล่นถูกตาข่าย ในกรณีที่มีการเล่นลูกในแถวหน้า ถือว่าผิดกติกา
๖.ผู้เล่นถูกลูกบอลในแดนของฝ่ายตรงข้ามก่อนหรือระหว่างการเล่นลูกบอลของฝ่ายตรงข้ามถือว่าผิดกติกา
๗.การเล่นลูกบอลคนเดียวติดต่อกันสองครั้ง เช่น ตั้งลูกเองแล้วตบลูกบอลถือว่ผิดกติกา
๘. หากฝ่ายรับบล็อกลูกบอลกลับไปถูกศีรษะของผู้ที่ตบลูกบอลมาแล้วลูกบอลเคลื่อนไปถูกเสาอากาศลักษณะนี้ถือว่าฝ่ายตบทำลูกบอลออกเพราะลูกบอลถูกเสาอากาศแล้ว
๙.ลูกบอลที่ข้ามแนวตาข่ายไปยังเขตรอบสนามของทีมตรงข้ามแล้วโดยบางส่วนหรือทุกส่วนของลูกบอล
อยู่ภายนอกพื้นที่สำหรับข้ามตาข่ายอาจนำกลับมาเล่นได้อีก ถ้าผู้เล่นไม่ถูกด้านเดียวกันสนามฝ่ายตรงข้าม
จะกีดขวางการเล่นลูกนี้ไม่ได้
๑๐. ในเซตตัดสิน ทีมใดทำคะแนนได้ ๘คะแนน ให้ทำการเปลี่ยนแดนทันที และตำแหน่งของผู้เล่นให้เป็นไปเหมือนเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น